บริษัทเอเชีย เอวิเอชั่นจำกัด(มหาชน)หรือ AAV แจ้งมติผู้ถือหุ้นในการประชุมปู้ถือหุ้นในวันที่26พฤศจิกายน2564 ว่าบอร์ดมีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพิ่มทุน 1.4 หมื่นล้านบาท
โดยการระดมทุน 14,000 ล้านบาท จะมีการดำเนินการใน 3 ส่วน ได้แก่
1.เพิ่มทุนจดทะเบียนและเสนอขายหุ้นให้นักลงทุนรายใหม่มูลค่าไม่เกิน 8,800 ล้านบาท ประกอบไปด้วยการเสนอขายแก่
2.การออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 2 ราย มีอายุหุ้นกู้แปลงสภาพไม่เกิน 2 ปี โดยเสนอขายให้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 1,200 ล้านบาท และ North Haven Thai Private Equity, L.P. มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเเปลงเป็นหุ้นสามัญรวมจำนวนไม่เกิน 1,257,142,857 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ทั้งนี้ นักลงทุนดังกล่าว ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ AAV ในระยะยาว และพร้อมจะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนเพิ่มเติมในอนาคตแก่ AAV
3.การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,714,285,714 หุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นรายเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) โดยมีอัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 5.7625 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 1.75 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่าคาดว่าจะได้เงินเข้ามาก้อนแรก 1.1 หมื่นล้านบาทในเดือนธ.ค.นี้และอีก 3 พันล้านบาทในเดือนม.ค.65 โดยการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 พ.ย.64 สายการบินขออนุมัติการปรับ
โครงสร้าง โดยเราจะไม่นำบริษัทไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทนบริษัทแอร์เอเชียเอวิเอชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ AAV แล้ว แต่เลือกที่จะปรับโครงสร้างใน AAV ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว โดยเพิ่มทุนเข้าไป 100% ซึ่งจะทำให้เราได้เงินเร็วและซับซ้อนน้อยกว่าแผนเดิม
“เราคาดการณ์กันปีหน้าจะไม่แย่กว่าปี 64 เราคาดว่าโดเมสติกกลับ 100% ตั้งแต่ต้นปีส่วนเส้นทางบินต่างประเทศกลับมาบินมัลดีฟส์เดือนธ.ค.นี้ และคาดว่าไตรมาสแรกปีหน้าจะกลับมาบินต่างประเทศได้ อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฮ่องกง อินเดีย ซึ่งต้องมองหาประเทศที่เปิดการท่องเที่ยวเหมือนกับไทย ส่วนไตรมาส 2 หวังว่าจะเปิดบินจีนได้ ไตรมาส 3 จะเปิดเพิ่มได้อีกที่ญี่ปุ่นบางเมืองและจนถึงไตรมาส 4 น่าจะบินได้ 60-70% และปี 66 น่าจะบินได้ 100% ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ” นายสันติสุข กล่าวทิ้งท้าย