นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า การจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 18 กำหนดหัวข้อเรื่องกัญชานำไทยสมุนไพรสร้างชาติ ซึ่งเป็นประจำทุกปี การจัดงานทางกรมฯ จะเชิญเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ปลูกสมุนไพรหรือชมรมหมอยาสมุนไพรมาร่วมงาน ในลักษณะของการนำสมุนไพรหรือการนำองค์ความรู้ ภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้านมาสาธิตหรือจัดแสดงจำหน่าย เผยแพร่ผลิตภัณฑ์
ปีนี้มุ่งเน้นเนื้อหาเรื่องของกัญชา ดังนั้นนิทรรศการลานวัฒนธรรมจึงได้รวบรวมความพิเศษของการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ตามแบบฉบับในวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมกับสังคมวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น
ทางภาคเหนือมีชนเผ่าต่างๆ นำกัญชาไปใช้ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดตามประเพณีวิถีความเชื่อ ทำเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม นำมาเป็นยาที่ต้องมีประจำบ้านทุกบ้านเพราะว่าสรรพคุณของกัญชาช่วยการเสริมสร้างความแข็งแรง ภาคกลางในอดีตเพชรบุรีเป็นเมืองท่าส่งกัญชาไปจีน เป็นเมืองที่มีความผูกพันกับการประดิดประดอยงานศิลปะวัฒนธรรมการปรุงแต่งอาหารเพื่อไปถวายเจ้านาย ตำรับอาหารหลายเมนู มีส่วนผสมกัญชา
สำหรับภาคใต้มีสายพันธุ์กัญชาที่มีลักษณะจำเพาะ มักนำมาปรุงเป็นตำรับยาบำรุงกำลังและมีตำรับยาหลายตำรับที่ใช้กัญชาเป็นส่วนผสมอยู่ระหว่างการรวบรวมความรู้ต่างๆ นอกจากนี้ยังมี ลุงดำแห่งเกาะเต่า เรียนรู้พัฒนาตำรับยาและสายพันธุ์กัญชาจนเป็นที่ยอมรับ ส่วนอีสานเรียกว่าแหล่งการปลูกหรือการพัฒนา สายพันธุ์กัญชาที่เป็นแหล่งสำคัญ คือลุ่มน้ำสงครามได้แก่ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร เป็นที่นิยมตั้งแต่สมัย ที่ทหารอเมริกันมารบในสงครามเวียดนามใช้กัญชาเพื่อความผ่อนคลาย
“ทั้งนี้ความคาดหวังการส่งเสริมการนำกัญชามาใช้ประโยชน์จะแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1.การใช้ในวิถีชีวิต ทางกรมฯ กำลังรวบรวมความรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และจะส่งเสริมการเผยแพร่ความรู้เหล่านั้น ระดับที่ 2.ส่งเสริมให้มีการนำเอากัญชาที่ปลูกแล้วแปรรูปไปสู่การใช้ในเรื่องของยาพื้นบ้านหรือยาแผนไทยกำลังดำเนินการและระดับที่ 3.การส่งเสริมเชิงอุตสาหกรรม มีการทำสารสกัดซึ่งมีข้อมูล การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์และ การวิจัยทางการแพทย์เพื่อสร้างความยอมรับความน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติ ต้องใช้ทุนจำนวนมหาศาล อาจเป็นหน้าที่ของฝ่ายธุรกิจภาคเอกชน ซึ่งสรุปรวมคือกัญชาจะอยู่ ในเรื่องปัจจัย 4 ในชีวิตของมนุษย์”นพ.ขวัญชัย กล่าวปิดท้าย
งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 18 ยังมีกิจกรรมไฮไลท์บริเวณลานวัฒนธรรมที่ตระการตากับวิถีกัญชาแต่ละภาค อาทิ ภาคเหนือ นวัตกรรมการสกัดและอุปกรณ์การปลูกกัญชา สาธิตการชงชา ไวน์จากกัญชา โดยใช้เทคนิคการต้มแบบ Non-Cafeine ภาคอีสาน ชูจุดเด่น กัญชาริมฝั่งโขง เมล็ดพันธุ์กัญชาพันธุ์อิสระ 01 คลินิกหางกระรอก หรือบูธNongKhai Sabaidee ภาคกลาง มีสาธิตการคั่วกัญชา การหุงกัญชา การทำน้ำมัน สนั่นไตรภพ อาหารสมุนไพรใส่กัญชา และภาคใต้ 108 ตำรับภูมิปัญญากัญชาใต้ และการแสดงน้ำมันกัญชาเคดี เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้ร่วมงานสามารถรับต้นกล้าฟ้าทะลายโจร สมุนไพรฟ้าทะลายโจร หนังสือสมุนไพรและหนังสือสุขภาพ แจกฟรีสำหรับผู้ร่วมงานตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรม งานจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00-20.00 น. ณ พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน