25 มกราคม 2565 - บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ เอ็น.ซี.ซี.ฯ สร้างตำนานหน้าใหม่ให้กับ “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” สู่การเป็น “The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All” ที่ครอบคลุมการจัดงานทุกรูปแบบอย่าง ไร้ขีดจำกัด และตอกย้ำการเป็นมากกว่า “ศูนย์การประชุมฯ” ด้วยการพัฒนาพื้นที่รีเทลเต็มรูปแบบ
ภายใต้ คอนเซ็ปต์ “แอคทีฟ ไลฟ์สไตล์ มอลล์” (Active Lifestyle Mall) ที่จะเปิดตัวพร้อมกับร้านค้าแบรนด์ชั้นนำกว่า 100 ร้าน เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนที่รักการออกกำลังกายและสุขภาพ ตลอดจนดีมานด์ของกลุ่มครอบครัว-และคนทำงานในเมือง
พื้นที่รีเทลของศูนย์ฯสิริกิติ์โฉมใหม่
มีจุดเด่นในด้านของทำเลที่ตั้งซึ่งสะดวกต่อการเดินทางเป็นอย่างมากด้วยจุดเชื่อมต่อกับ MRT ถึงด้านในอาคาร ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึง QSNCC ได้โดยง่ายทุกช่วงเวลา พร้อมทั้งบริเวณโดยรอบยังถูกโอบล้อมด้วย “สวนป่าเบญจกิติ” พื้นที่สีเขียวผืนใหญ่ร่วม 450 ไร่ ที่เปรียบเสมือนปอดแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ และเป็นจุดศูนย์รวมของชุมชนรอบข้างและกลุ่มผู้รักสุขภาพสำหรับใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนและออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ
ด้วยศักยภาพของพื้นที่แห่งนี้ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่โดยรอบ ทำให้มั่นใจได้ว่าพื้นที่รีเทล QSNCC จะเป็นห้างใหม่ใจกลางเมืองที่น่าจับตามองด้วยรูปแบบการให้บริการพื้นที่ที่พิเศษ แตกต่าง และตอบโจทย์สังคมเมืองยุคใหม่
การเปิดตัวพื้นที่รีเทลของศูนย์ฯสิริกิติ์โฉมใหม่นี้ จะเป็นศูนย์รวมด้านแอคทีฟไลฟ์สไตล์เต็มรูปแบบของกรุงเทพฯ หรือ Bangkok Active Lifestyle Mall (“BALM”) โดยปรับขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นจากเดิมที่ 7,200 ตารางเมตร เป็น 11,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นโซนตามหมวดหมู่ประกอบด้วย
ซึ่งจะรองรับความต้องการของกลุ่มผู้รักสุขภาพและการออกกำลังกาย พร้อมกับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของรีเทลในประเทศไทยที่มีบริการในลักษณะนี้ นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกของสุดยอดแบรนด์อุปกรณ์และเครื่องแต่งกายกีฬาชั้นนำของไทย
ศูนย์ฯ สิริกิติ์ใหม่ ตั้งเป้าคนใช้บริการ 13 ล้านคนต่อปี
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “เอ็น.ซี.ซี.ฯ มุ่งมั่นที่จะยกระดับการให้บริการแพลตฟอร์มอิเวนต์ทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาส โดยจะขับเคลื่อนศูนย์ฯ สิริกิติ์ให้เป็นมากกว่า “ศูนย์การประชุมฯ” แห่งใหม่ของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งคาดว่าเมื่อโครงการพัฒนาแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2565 จะสามารถดึงดูดจำนวนผู้จัดงานและผู้เข้าใช้บริการได้มากขึ้นกว่า 13 ล้านคน/ปี ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการได้อย่างครอบคลุม จึงได้เตรียมขยายพื้นที่โซนรีเทลให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 30%”
ในโอกาสนี้ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ได้มอบความไว้วางใจให้กลุ่มสายงานพัฒนาธุรกิจรีเทลของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (“FPT”) นำโดย นางสาวธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ นั่งเป็นแม่ทัพขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาและการตลาดส่วนพื้นที่รีเทลของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ด้วยเล็งเห็นถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการโครงการที่ประสบความสำเร็จมาแล้วอย่าง ‘สามย่านมิตรทาวน์’ และโครงการล่าสุด ‘สีลมเอจ’ ประกอบกับเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง
จึงเชื่อมั่นว่า FPT จะสามารถสร้างสีสันและดึงยอดทราฟฟิคให้แก่พื้นที่รีเทลของศูนย์ฯสิริกิติ์ได้อย่างแน่นอน
เฟรเซอร์ส ตั้งเป้าปิดดีลลูกค้า 40% ไตรมาสแรก
นางสาวธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนบริษัทฯ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจจาก เอ็น.ซี.ซี.ฯ ให้เป็นผู้พัฒนาและดูแลการตลาดพื้นที่รีเทลของ ศูนย์ฯสิริกิติ์โฉมใหม่ โดยเราจะนำองค์ความรู้และประสบการณ์มาประยุกต์ใช้ให้โครงการแห่งนี้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย
ถึงแม้รีเทลแห่งนี้จะตั้งอยู่ภายในศูนย์การประชุมฯ แต่ด้วยการออกแบบพื้นที่ที่มีความทันสมัย เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ประกอบกับทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวก เชื่อมตรงกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT อีกทั้งยังคอนเน็คกับสวนป่ากลางกรุง ‘สวนป่าเบญจกิติ’ ทำให้เกิดเป็นคอนเซ็ปต์แอคทีฟไลฟ์สไตล์มอลล์เต็มรูปแบบแห่งแรกของกรุงเทพฯ (BALM)
จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีและเป็นอีกหนึ่งแหล่งพบปะสังสรรค์แห่งใหม่ย่าน CBD ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้จัดงานและผู้เยี่ยมชมอิเวนต์ แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนเมืองที่มีความแอคทีฟและคนรักการออกกำลังกาย โดยในอนาคต พื้นที่รีเทลใหม่นี้จะกลายเป็นจุดศูนย์รวมที่เชื่อมโยงคอมมูนิตี้ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกันอย่างแน่นอน
ปัจจุบันมีร้านอาหารและร้านค้าแบรนด์ชั้นนำจำนวนมากให้ความสนใจพื้นที่ โดยได้ทยอยเซ็นต์สัญญาแล้วกว่า 20% ของพื้นที่รีเทลทั้งหมด และยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าภายในไตรมาสแรกของปีนี้ จะสามารถปิดดีลผู้เช่าได้เพิ่มขึ้นเป็น 40%”