ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ นอกจากจะมีการหารือถึงการผ่อนคลายมติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่ไฟเขียวแผนบริหารจัดการโควิด-19 ใน 4 ระยะสู่ โรคประจำถิ่น ตามแผนที่เรียกว่า 3 บวก 1
ได้แก่ ระยะที่ 1 (12 มี.ค.-ต้น เม.ย.65) เรียกว่า Combatting เป็นระยะต่อสู้ ต้องกดตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงกว่านี้ เพื่อลดการระบาด ระยะที่ 2 (เม.ย.-พ.ค.65) เรียกว่า Plateau คือ การคงระดับผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงขึ้น ระยะที่ 3 (ปลาย พ.ค.-30 มิ.ย.65) Declining คือ การลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้เหลือ 1,000 - 2,000พันราย และระยะ 4 ตั้งแต่ 1 ก.ค.2565 เป็นต้นไป เรียกว่า Post pandemic คือ ออกจากโรคระบาดเข้าสู่โรคประจำถิ่น ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคมนี้เป็นต้นไป
ล่าสุดผู้ประกอบการท่องเที่ยวยังคงต้องรอลุ้นการผ่อนคลายมาตรการการเฝ้าระวังและจัดการผู้เดินทางจากต่างประเทศ โดยตามแผนของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ก็ได้เสนอแผนการเปิดรับการเดินทางจากต่างประเทศเต็มรูปแบบ คู่ขนานไปกับการเปิดโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่นด้วยเช่นกัน ซึ่งมีการวางแผนที่จะปรับมาตรการเดินทางเข้าไทย แบ่งออกเป็น 4 ระยะเช่นกัน ได้แก่
แหล่งข่าวระดับสูงจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าไทย ยังจัดว่าเป็นแผนที่อยู่ระหว่างการหารือ ที่ยังคงต้องรอข้อสรุปจากศบค.อีกครั้ง ซึ่งจริงๆผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องการให้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางเข้าไทยให้เร็วกว่านี้ โดยต้องการให้ยกเลิก Thailand Pass และเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวได้เต็มรูปแบบโดยเร็วกว่านี้ เพราะในขณะนี้ประเทศต่างๆรวมถึงประเทศคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวของไทยก็ทยอยลดข้อจำกัด ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวกันมากขึ้นแล้ว หากไทยยังมีข้อจำกัดอยู่มาก ก็จะให้เสียโอกาสด้านการท่องเที่ยวได้
ไม่ว่าจะเป็น “เวียดนาม”ที่จะกลับมาเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งเดือนมี.ค.นี้ หลังปิดพรมแดนมากว่า 2 ปีแล้ว โดยผู้เดินทางเข้าเวียดนามต้องได้รับวัคซีนครบโดส มีผลตรวจโควิดเป็นลบทั้งก่อนและหลังจากการเดินทางมาถึง รวมถึงมีประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครอง 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
ขณะ “มาเลเซีย” ประกาศเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 โดยสำหรับผู้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว จะไม่ต้องกักตัว แต่ยังบังคับให้ผู้เดินทางเข้ามาเลเซีย ต้องตรวจ Rt-pcr ก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึงต้องตรวจATK ภายใน 24 ชั่วโมง
“สิงคโปร์” จะอนุญาตให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงต่ำ และผู้เดินทางด้วยช่องทางพิเศษสำหรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้ว (Vaccinated Travel Lane หรือ VTL) สามารถตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ด้วยตนเองภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากเดินทางถึงสิงคโปร์ และยื่นผลตรวจผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนจะเริ่มดำเนินกิจกรรมในสิงคโปร์ แทนจากเดิมที่ต้องตรวจด้วยชุดตรวจ ATK จากศูนย์ตรวจเท่านั้น เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศในอัตราส่วนที่ต่ำมาก (1%)
“อินโดนีเซีย” ยกเลิกการกักตัวนักเดินทางต่างชาติที่เดินทางเข้าจังหวัดบาหลีทางเครื่องบินหรือทางเรือ และจะออก Visa On Arrival หรือการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองแก่นักเดินทางต่างชาติจาก 23 ประเทศ รวมถึงนักเดินทางชาวไทย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 โดยนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องได้รับวัคซีนครบโดสและทำการทดสอบ PCR ก่อนการเดินทาง เมื่อเดินทางมาถึง และ ในวันที่ 3 ของการเดินทาง โดยสามารถเดินทางไปเยือนในจังหวัดอื่นๆได้เมื่อครบ 4 วันที่บาหลี
“กัมพูชา” ได้ปรับการตรวจที่สนามบินเป็นการตรวจด้วย ATK สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วและต้องแสดงเอกสารการฉีดวัคชีนครบโดสและการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง
“เกาหลีใต้” อนุมัติให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว เดินทางเข้ามาเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว จากเดิมที่ต้องกักตัว 7 วัน มีผล 21 มีนาคมนี้ และทุกคนยังต้องรับการตรวจATK ในวันที่ 6 และวันที่ 7 หลังการเดินทางเข้าประเทศ
ส่วนประเทศในยุโรปและอเมริกา ก็ได้ยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19เกือบทั้งหมด เช่น ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ยกเลิกการกักตัว เป็นต้น
ทั้งนี้จากการที่หลายประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของไทยทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้สายการบินต่างๆของไทย เริ่มทยอยหันกลับมาเปิดบินเส้นทางบินระหว่างประเทศอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น
“ไทยแอร์เอเชีย” พร้อมกลับมาเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศแล้ว โดยจะทำการบินจากกรุงเทพฯหาดใหญ่และภูเก็ต สู่ 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ,มาเลเซีย,มัลดีฟส์,สิงคโปร์,เวียดนาม, อินโดนีเซีย,อินเดีย รวม 18 เส้นทางบินระหว่างประเทศ ซึ่งเส้นทางบินที่กลับมาเปิดให้บริการแล้ว คือ เส้นทางบินจากสนามบินดอนเมือง สู่พนมเปญ,มัลดีฟส์และสิงคโปร์ ส่วนตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนนี้ จะเปิดบินเส้นทางจากสนามบินดอนเมืองสู่ฮานอย,โฮจิมินห์ วันที่ 12 เมษายนนี้ จะเปิดบินจากสนามบินดอนเมือง สู่บาหลี,กัวลาลัมเปอร์ และเส้นทางภูเก็ต-สิงคโปร์
ส่วนวันที่ 13 เมษายนนี้จะเปิดให้บริการจากสนามบินดอนเมืองสู่บังกาลอร์ ,เชนไน,ปีนัง และเส้นทางหาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์ วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ จะเปิดบินเส้นทางจากสนามบินดอนเมือง สู่โกลกาตา,โกชิ,ชัยปุระ,ดานัง วันที่ 3 พฤษภาคม 65 จะเปิดบินจากสนามบินดอนเมืองสู่ยะโฮร์บารูห์,เสียมราฐ
ด้าน “ไทยเวียตเจ็ท” ก็ทยอยกลับมาเปิดบินเส้นทางบินระหว่างประเทศเช่นกัน โดยหลังการเปิดให้บริการจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่โฮจิมินห์,ดานังแล้ว ล่าสุดยังเตรียมจะเปิดเที่ยวบินจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่พนมเปญ (กัมพูชา)ในวันที่ 16 มีนาคมนี้ ทั้งยังเตรียมเปิดบินสู่เสียมเรียบด้วย รวมถึงการเปิดบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังสิงคโปร์ เริ่ม 28 เมษายนนี้ และเส้นทางภูเก็ต-สิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนนี้เป็นต้น
ขณะที่บางกอกแอร์เวย์สก็มีแผนทยอยกลับมาเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ มีแผนเปิดบินสมุย-ฮ่องกง,กรุงเทพฯ-เสียมราฐ ไตรมาส4 จะเปิดบินกรุงเทพฯ-ดานัง,กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง,กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง,กรุงเทพฯ-มัลดีฟส์
ส่วนสายการบินไทยสมายล์ ก็เปิดบินภูเก็ต-มุมไบ ในวันที่ 19 มีนาคมนี้