WHA จับมือ สมิติเวช บุกเบิกดิจิทัลเฮลธ์แคร์ ภาคอุตสาหกรรม

19 มี.ค. 2565 | 03:12 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มี.ค. 2565 | 11:23 น.

ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป (WHA)จับมือ โรงพยาบาลสมิติเวช ปั้นWHAbit แอปพลิเคชันใหม่สำหรับการดูแลสุขภาพ เป็นหักหอกลุยดิจิทัลเฮลธ์แคร์ ประเดิมใช้ในนิคมอุตสาหรรมและสายงานโลจิสติกส์ WHA กว่า3 แสนคน

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และโรงพยาบาลสมิติเวช พัฒนาแพลตฟอร์ม WHAbit แอปพลิเคชันใหม่ของบริษัทฯที่เชื่อมกับบริการ Samitivej Virtual Hospital ของโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการและโซลูชันการดูแลสุขภาพสำหรับพนักงานและลูกค้าทั้งหมดในนิคมอุตสาหกรรม โลจิสติกส์เซ็นเตอร์ และอาคารสำนักงานของดับบลิวเอชเอ 

 

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “ ความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในการบุกเบิกธุรกิจดิจิทัลเฮลธ์แคร์กลุ่มแรกๆ ให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เพราะเป้าหมายของดับบลิวเอชเอ ไม่ใช่แค่การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ต้องการส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้พนักงานในนิคมอุตสาหกรรมสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทั่วถึง ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน 

และช่วยยกระดับความสามารถทางการแพทย์ และการให้บริการด้านสาธารณสุข สิ่งเหล่านี้จึงเป็นการตอกย้ำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของ Digital Healthcare นั่นคือการนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มมาช่วยสนับสนุนบริการทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็ว และลดต้นทุน ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม รวมถึงลดความแออัดในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพได้อีกด้วย

 

ทั้งนี้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน WHAbit ขึ้นมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Corporate Wellness เพื่อการเข้าถึงการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ง่ายขึ้น โดยเราได้เริ่มนำแอปพลิเคชั่น WHAbit มาให้บริการกับพนักงานของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ตั้งแต่ปี 2564 และได้ผลตอบรับการใช้งานจากพนักงานเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยืนหยัดในคำมั่นที่จะใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

 

 

 

แอปพลิเคชัน WHAbit เป็นเครื่องมือด้านสุขภาพดิจิทัล ที่จะช่วยให้ผู้สมัครใช้บริการ สามารถจัดการสุขภาพได้ โดยปรึกษาแพทย์ผ่านทางวิดีโอคอลกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยโรค การรักษา และการจ่ายยา ได้อย่างสะดวกสบาย  โดยดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปมีแผนที่จะนำแอปพลิเคชัน WHAbit นี้ มาให้บริการแก่กลุ่มลูกค้า หรือผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ภายในไตรมาส 3 ปี 2565 WHAbit จึงเป็นช่องทางการดูแลรักษาสุขภาพแบบองค์รวมผ่านสื่อดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ ช่วยให้ลูกค้ามีสุขภาพ รวมถึงชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น

"ในช่วงแรกเราตั้งใจใช้ WHAbit กับพนักงานและลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมกว่า 200,000 คนและไลน์โลจิสติกของเราอีกกว่า 100,000 คน ในปีแรกตั้งเป้าให้มีผู้ใช้งาน WHAbit ประมาณ20-30% และขยายเป็น 70%ในปีถัดไป ปัจุบันนี้เริ่มใช้กับพนักงานของ WHA แล้ว และจะเริ่มขยายไปยังคนที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมภายใน2-3เดือนนี้ การใช้แอพลิเคชั่นนี้จะทำให้แรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของเราสามารถเข้าถึงการรักษาเมื่อมีอาการเจ็บป่วย โดยไม่ต้องลางานและเสียเงินค่ารักษาพยาบาลแพงๆ"

 

โดยความร่วมมือครั้งนี้ทางโรงพยาบาลสมิติเวชในบทบาทผู้ให้บริการทางการแพทย์ จะเชื่อมโยงและสนับสนุนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากเครือข่ายโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อให้โซลูชันและบริการการดูแลสุขภาพดิจิทัลบนแอปพลิเคชัน WHAbit ทำงานได้อย่างสมบูรณ์  รวมถึงให้การสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ ของโรงพยาบาลในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน WHAbit ได้รับบริการครอบคลุมรอบด้าน นอกเหนือจากบริการออนไลน์ต่าง ๆ  นอกจากนี้ โรงพยาบาลสมิติเวชจะแบ่งปันทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานในส่วนที่จำเป็น เพื่อเชื่อมโซลูชันและบริการของโรงพยาบาลเข้ากับแอปพลิเคชัน WHAbit ด้วย  

 


นพ. ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ. สมิติเวช และรพ. บีเอ็นเอช กล่าวว่า “บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ คือ การจับมือเป็นพันธมิตรในเชิงนวัตกรรมระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการสุขภาพ และเรารู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ และนิคมอุตสาหกรรมที่นำความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย 

 

ความร่วมมือกันระหว่างดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป และสมิติเวช จะทำให้สามารถทลายอุปสรรคด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้คนจำนวนมากมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยจุดแข็งของสมิติเวชที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์และประสบการณ์ในการให้บริการ Virtual Hospital (telemedicine) และจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและก่อให้เกิดนวัตกรรมหลายอย่าง

 

นอกจากการให้บริการสุขภาพทั้งด้านการตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาล ฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงการสร้างเสริมป้องกัน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ก้าวหน้าที่สุด  เพื่อสร้างคุณค่า สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Organization of Value ยังส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ EEC สร้างความมั่งคั่ง มั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป