นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MC” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ปรับรูปแบบการทำตลาด เพิ่มพอร์ตไลน์สินค้าทั้งเดนิม และอื่นๆ พร้อมขยายและพัฒนาช่องทางขายเต็มรูปแบบ มีการนำเทคโนโลยี และช่องทางออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการรุกตลาดเต็มที่
โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคที่มีการเติบโตดี แม็คกรุ๊ปจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าของ “แบรนด์” มากกว่าการใช้กลยุทธ์ พร้อมควบคุม Value Chain ควบคุมต้นทุนและมาร์จิ้นทั้งหมด เพื่อสร้างความคล่องตัว (Agility) ในการทำธุรกิจ ซึ่งขณะนี้โดยภาพรวมรายได้ขององค์กรปรับดีขึ้นเรื่อยๆ ธ.ค.64 มีรายได้กลับมาเกือบ 500 ล้านบาท มาร์จิ้นเกือบ 65%
แนวทางของ แม็คกรุ๊ป คือ การเพิ่ม Productivity ขยายไลน์สินค้า นอกจากเดนิม หรือ ยีนส์ ยังมีสินค้าอื่นๆ อาทิ เสื้อผ้าแคชชวล เน้นเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย ซึ่งจะมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ต่อเนื่อง รวมไปถึงการเพิ่มทักษะและพัฒนาทีม เพื่อรองรับการขยายตัวของแม็คกรุ๊ปอย่างเต็มที่ และยังทำซีอาร์เอ็มผ่านสมาชิกที่มีอยู่ 1.6 แสนรายเพิ่มเติม
ส่วนของมาร์เก็ตติ้ง ได้พัฒนาช่องทางการขาย รุกตลาดอีคอมเมิร์ซ ใช้ทั้งมาร์เก็ตเพลสและโซเชี่ยลคอมเมิร์ซ มีการ Live ขายสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลดี ยอดขายขยับขึ้นเกือบ 20% พร้อมกับมาร์จิ้นที่ขยับเพิ่มขึ้น ในปีนี้ยังได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ อาทิ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ลงทุนอัพเกรด Mc Outlet ตกแต่งร้านใหม่ ปรับดีไซน์ นำโปรดักต์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค โดยเริ่มดำเนินการแล้วที่สาขาวังน้อย สระบุรี ตอนนี้มี 6-7 สาขา ยอดขายขยับขึ้นเกือบดับเบิ้ล เป้าหมายภายในสิ้นปี ต้องอัพเกรดทั้งหมด 70 สาขา
การบริหารสินค้าคงคลัง บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะลดมูลค่าสินค้าคงคลังให้เหลือ 1,000 ล้านบาท จากเดิมเกือบ 2,000 ล้านบาท และจากสภาพคล่องทางกระแสเงินสด ทำให้บริษัทฯ แทบไม่มีดอกเบี้ยเลย ทำให้แม็คกรุ๊ปสามารถขยายการลงทุนได้อีก โดยมีแผนที่จะปรับปรุงและลงทุนแวร์เฮ้าส์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
นอกจากนี้ ยังทดลองทำโปรเจ็กต์ Virtual Shop เริ่มทดลองที่จังหวัดนครราชสีมา และกำลังศึกษาการสร้าง Avatar ขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ (Iconic) ของเอสเคยูต่างๆ ด้วย รวมถึงเข้ายังมองโอกาสใหม่ๆ ในโลกธุรกิจอย่างคริปโต
“เราประมาณการณ์ไตรมาสหนึ่งของปีนี้ตัดไปเลย ส่วนที่เหลือต้องทำให้ได้ตามเป้า จากร้านของแม็คกรุ๊ปที่มีอยู่เกือบ 600 สาขา รวมไปถึง Mc Outlet การขยายพอร์ตสินค้า และการขยายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ คาดว่าเต็มปีนี้จะทำรายได้สูสีกับปีที่แล้ว คือราว 3,400 ล้านบาท” นายเจมส์ริชาร์ด กล่าว
ล่าสุด นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน บริษัท แม็คกรุ๊ป กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทงวดครึ่งหลัง ปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.2565)มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และคาดว่าทั้งปีกำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตในเลข 2 หลัก หรืออย่างน้อย 10% ส่วนรายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้จากการขาย 3,248.82 ล้านบาท
ส่วนการขยายสาขา Mc Outlet ภายในสถานีการบริการน้ำมันของ บมจ.ปตท.จะเปิดเพิ่มอีก 11 สาขา จากเดิมมี 59 สาขา รวมถึงการขยายสาขารูปแบบอื่นๆ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 45-50 ล้านบาท และดำเนินการควบคู่กับการขยายบริการและช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มทั้งออฟไลน์และออนไลน์
สำหรับสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือกว่า 1,997 ล้านบาทและไม่มีหนี้สิน ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่น บริษัทฯ จะขยายการลงทุนในกิจการใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลัก รวมถึงการขยายธุรกิจในโลกดิจิทัล เช่น แพลตฟอร์ม NFT Marketplace เพราะ MC เองเราทำในเรื่องของแฟชั่นอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็ได้เข้าไปจับมือ Class Cafe เพื่อพัฒนาเมตาเวิร์สภายใต้ชื่อ “เวลาเวิร์ส” (Velaverse) เป็นต้น และอาจเห็น Jeans Street in Metaverse ด้วย
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,766 วันที่ 17 - 19 มีนาคม พ.ศ. 2565