ม.มหิดล มองประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศแนวหน้าในภูมิภาคอาเซียนเรื่องการปรับตัวช่วงวิกฤติ Covid-19 ในภาพรวม แต่ด้อยเรื่องสุขภาวะประชาชนในชนบท แนะทางรอดสร้าง “Social Lab” เสริมแกร่งสุขภาวะชุมชน ก่อนขยายผลสู่ระดับประเทศ และภูมิภาคอาเซียน
ที่ผ่านมาพบว่านักวิจัยสุขภาวะชุมชนยังไม่สามารถเข้าถึงประชาชนได้เท่าที่ควร เนื่องจากขาดความแข็งแกร่งทางด้านวิชาการ และวิจัย จำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงที่จะคอยกระตุ้น และให้คำปรึกษา เพื่อให้สามารถตั้งต้นทางวิชาการ และทำงานส่งเสริมสุขภาวะของประชาชนในภูมิภาคต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเริ่มต้นที่วิทยาเขต 3 แห่งของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งได้แก่ อำนาจเจริญ นครสวรรค์ และกาญจนบุรี ไปพร้อมๆ กับการสร้างเครือข่ายสุขภาวะในภูมิภาค
ศาสตราจารย์ ดร.สุภา เพ่งพิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศแนวหน้าในภูมิภาคอาเซียนเรื่องการปรับตัวช่วงวิกฤติ COVID-19 ในภาพรวม แต่ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาวะของประชาชนในชนบท
"ถึงเวลาแล้วที่นักวิจัย และนักวิชาการจะต้องลงชุมชนไปดูว่าประชาชนในชนบทอยู่กันอย่างไร ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ COVID-19 อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ยังมีปัญหาความยากจน และผู้สูงวัยยังสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้น้อย"
การให้ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาได้มาร่วมมือกับนักวิจัย และนักวิชาการในพื้นที่ มาร่วมสร้าง “Social Lab” หรือ”ห้องปฏิบัติการทางสังคม” เพื่อสร้างความเข้มแข็งและแก้ปัญหาทางสุขภาวะของประเทศกันอย่างจริงจัง จะสามารถขยายผลไปยังประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนหรือภูมิภาคอื่นในโลกต่อไปได้ ที่สำคัญจะต้อง “เปิดใจ” พร้อมเชื่อมต่อประสบการณ์ปรับตัวต่อสู้วิกฤติ COVID-19 ของต่างประเทศด้วยจึงจะสามารถไปต่อได้อย่างยั่งยืน