เดินหน้ายุทธศาสตร์ New S-Curve หลังประกาศหาพันธมิตรเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในทุกฟอร์มแมท ล่าสุด “เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป” ประกาศร่วมทุนกับ “ชินคันเซ็น ซูชิ” หนึ่งในแบรนด์ที่แข็งแรงในช่องทางการให้บริการ Grab & Go และซีอาร์จี ก็เชื่อมั่นว่าจะมาเสริมทัพให้ธุรกิจร้านอาหารเติบโต ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค
“ณัฐ วงศ์พานิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ “ซีอาร์จี” บอกว่า ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น ในบริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด (The Food Selection Group Co.,Ltd (TFSG)) ซึ่งดำเนินกิจการผลิต และจำหน่ายอาหารญี่ปุ่น และเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อทางการค้า “ชินคันเซ็น ซูชิ” (Shinkanzen Sushi) และ “เซ็นมะ ซูชิ” (Senma Sushi)
ดีลนี้ตอกย้ำกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโต ผนึกกำลังพันธมิตร กับผู้ประกอบการร้านอาหารเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพมาขยายธุรกิจ โดยใช้จุดแข็งทั้ง 2 ฝ่ายสร้างการเติบโตไปด้วยกัน หรือเกิด Win-Win strategy
“ซีอาร์จีมีจุดแข็งช่วยเสริมแกร่งพันธมิตรหลายด้าน เช่น มีอีโคซิสเทมรองรับ มีการดำเนินงานที่ดี แนวทางการปฏิบัติงานเป็นเลิศ ระบบหลังบ้านต่าง ๆ ช่วยสร้างประโยชน์ และซีนเนอร์ยีด้านต้นทุน เอื้อให้การขยับขยายธุรกิจมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น”
ทำไมซีอาร์จี จึงยอมควักเงิน 520 ล้านบาทเข้าถือหุ้นในเดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป “ณัฐ” มองว่า แบรนด์ ชินคันเซ็น ซูชิ มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของ ซีอาร์จี ได้ ด้วย ชินคันเซ็น ซูชิ มีจุดเด่นเป็นอาหารญี่ปุ่น ที่เน้นการขายซูชิ และมองว่าตลาดอาหารญี่ปุ่นมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย และเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
ส่วนสำหรับแผนการขยายธุรกิจ บริษัทเล็งขยายสาขาทั้งในร้านรูปแบบปัจจุบัน ซึ่งเป็นแบบ dine-in และ การพัฒนาสินค้าในรูปแบบ grab & go รวมถึงต่อยอดร้านในรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เช่น คีออส และ คลาวด์ คิทเช่น รวมถึงมองหาโอกาสในการขยายเข้าไปในศูนย์การค้า เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี หากสถานการณ์ปกติ จะสามารถขยายสาขาได้ต่อเนื่อง และมีจำนวนสาขา 60 - 70 สาขาทั่วประเทศ
ยุทธศาสตร์นี้เป็นการตอกย้ำว่า ซีอาร์จีเปิดทางให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีไอเดีย คอนเซ็ปต์ร้านดี แล้วต้องการขยายธุรกิจ
เพราะซีอาร์จีเอง มีจุดแข็งที่สามารถส่งเสริมผู้ประกอบการได้ ทั้งในรูปแบบที่มาร่วมอยู่ในคลาวด์คิทเช่นของเรา และในรูปแบบการร่วมทุนกัน เพราะมองว่าการอยู่ร่วมกันดีกว่าอยู่คนเดียว
“ต่อไปจะเห็นเราทำ M&A มากขึ้น เพราะรายย่อยเก่ง มีความสามารถ มีความถนัดหลายด้าน และเราพร้อมช่วยขยายสาขา การรวมพลังกันจึงไม่มีทางที่หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง แต่เติบโตมากกว่านั้นได้”
สำหรับ ชินคันเซ็น ซูชิ ใครที่อยู่ในย่านม.ธรรมศาสตร์ รังสิต อาจจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี จากร้านเล็กๆ ที่มีอยู่เพียง 6 โต๊ะ กับ 10 เมนูให้เลือก เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา คนทำงานและครอบครัวในราคาที่จับต้องได้ เริ่มเติบใหญ่จนวันนี้มีสาขารวม 38 สาขา ในกทม - ปริมณฑล 35 สาขาและต่างจังหวัด 3 สาขา เป็นอีกร้านฮอทฮิตในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อระดับกลาง
สำหรับผลประกอบการของ TFSG
ปี 2561 รายได้ 269 ล้านบาท กำไร 24 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 476 ล้านบาท กำไร 49 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 603 ล้านบาท กำไร 46 ล้านบาท
ขณะที่ 2 หนุ่มนักบริหารรุ่นใหม่ “ชนวีร์ หอมเตย” และ “ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป บอกว่า เหตุผลที่เข้าร่วมธุรกิจกับ ซีอาร์จี เพราะเป็นเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ระบบต่าง ๆ ในการบริหารร้านอาหารที่มีสาขาจำนวนมาก ซึ่งการที่ได้เข้าร่วมกับทาง ซีอาร์จี จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ต่อยอดธุรกิจ
สร้างโอกาสในการเติบโตขยายสาขาร่วมกันอย่างมั่งคง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังคาดหวังว่าการจับมือกันในครั้งนี้ จะสามารถช่วยพัฒนาระบบต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่า ชินคันเซ็น ซูชิ จะขยายสาขาไปทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย และสามารถสร้างยอดขาย 2,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี