แคนนอน (Canon) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลอิมเมจจิ้งและไอทีโซลูชั่นระดับโลก ผุดแคมเปญ “แคนนอนพรินเตอร์ มือใคร...ก็ใช้ง่าย” ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยนวัตกรรมและบริการที่ครบวงจร ติดปีกให้ลูกค้าทุกกลุ่มตั้งแต่ระดับนักเรียนนักศึกษา ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่
โดยแคนนอนมุ่งพัฒนากลยุทธ์เชิงรุกให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคทุกระดับหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เพื่อมอบประสบการณ์เครื่องพิมพ์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้ง่าย ทนทาน คุ้มค่าการลงทุน
นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการ ฝ่ายขายและการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ซิสเต็ม (พรินเตอร์) บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวในงานเปิดตัวแคมเปญ “แคนนอนพรินเตอร์ มือใคร...ก็ใช้ง่าย” ว่า “ผลการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคของแคนนอนพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ล้วนเคยผ่านการใช้งานพรินเตอร์มาแล้ว ไม่ว่าจะซื้อใช้เองหรือใช้งานของบริษัทหรือสถานบันการศึกษา แต่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจว่าผู้ใช้งานส่วนมากกลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นมือใหม่อยู่เสมอ
เนื่องจากเทคโนโลยีพรินเตอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย แคนนอนจึงอยากเปลี่ยนความคิดนี้ ผ่านการเน้นย้ำจุดแข็งที่แคนนอนได้พยายามสื่อสารมาโดยตลอด นั่นคือเรื่องของ ‘ความง่าย’ มาอย่างต่อเนื่องในกลุ่ม Business Products ภายใต้แนวคิด Business Can Be Simple ซึ่งแคมเปญในครั้งนี้เราก็ได้นำแนวคิดนี้มาต่อยอดในกลุ่ม Consumer Products โดยการนำเสนอแนวคิดการใช้ชีวิตให้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านการใช้งานพรินเตอร์ของเรา”
“สถานการณ์โควิดในช่วงปี 2563-2564 ที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการพรินเตอร์ภาพรวมเติบโตขึ้น ซึ่งเกิดจากผู้คนในองค์กรธุรกิจทุกระดับเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็น Work From Home รวมถึงการเรียนระบบออนไลน์ ซึ่งทำให้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้งานพรินเตอร์มีความหลากหลายมากขึ้น
ดังนั้น แคนนอนจึงต้องการสื่อสารไปยังทุกกลุ่มผู้ใช้งาน เพื่อต่อยอดความง่ายไปมากกว่าแค่ในเชิงธุรกิจ และทำให้ผู้บริโภคได้ทราบว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ มือโปร หรือมือไหน ๆ ก็สามารถใช้เครื่องพิมพ์ได้ง่ายทุกมือ เพราะเรามีโซลูชั่นที่ตอบโจทย์การทำงานที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม ซึ่งนำไปสู่ภาพรวมของแคมเปญ “แคนนอนพรินเตอร์ มือใคร...ก็ใช้ง่าย” ในครั้งนี้" นางสาวเนตรนรินทร์ กล่าวเสริม
แคมเปญ “แคนนอนพรินเตอร์ มือใคร...ก็ใช้ง่าย” เน้นการสื่อสารถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ โดยแบ่งกลุ่มตามลักษณะการใช้งานได้ 6 รูปแบบ ได้แก่
“สำหรับผู้ใช้งานมือเก่าที่คุ้นเคยกับเครื่องพิมพ์แบบแท็งก์รุ่นเดิมอย่าง G2010 แคนนอนยังพร้อมสนับสนุนผลิตภัณฑ์หมึกอย่างต่อเนื่อง ส่วนเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบตลับหมึกนั้น แคนนอนจะนำเสนอเครื่องพิมพ์สำหรับนักเรียนนักศึกษาอย่าง E Series ซึ่งมีราคาประหยัดจับต้องได้ทั้งเครื่องพิมพ์และหมึก หรือ TS Series ที่เหมาะกับการใช้งานในครอบครัว เพราะสั่งงานง่ายด้วย Mobile Printing อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่สวยงาม เหมาะกับการนำไปวางตกแต่งเป็นเฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นในบ้านได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ แคนนอนยังนำเสนอเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ที่มีทั้งรุ่นเล็กซึ่งเหมาะสำหรับคนทำงานฟรีแลนซ์ และเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีรุ่นใหญ่สำหรับบริษัทที่ต้องการโซลูชั่นงานพิมพ์คุณภาพสูงมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ สำหรับช่างภาพมือโปร แคนนอนยังมีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นใหญ่อย่าง PIXMA PRO ที่ตอบโจทย์การพิมพ์ภาพโดยฉพาะ ทั้งยังรองรับการทำงานสื่อได้หลากหลายรูปแบบ”
การโฆษณาประชาสัมพันธ์แคมเปญการตลาดครั้งนี้ แคนนอนจะนำเสนอในรูปแบบสื่อโฆษณาออนไลน์ความยาว 90 วินาที รวมถึงการใช้สื่อสนับสนุนอื่น ๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อนอกบ้าน (Out of Home) และสื่อ ณ จุดขาย เพื่อสื่อสารเนื้อหาแคมเปญให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แคนนอนยังได้รับการจัดอันดับโดย IDC Worldwide Quarterly Hardcopy Peripherals Tracker ให้เป็นแบรนด์เลเซอร์พรินเตอร์อันดับ 1 แห่งภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน ที่ครอบคลุมทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์
ปัจจุบัน แคนนอนยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์พรินเตอร์เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าระดับองค์กรธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซลูชันสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจภายใต้แนวคิดหลัก "Business Can be Simple" เพื่อสะท้อนจุดเด่นฟังก์ชันการใช้งานที่ง่ายครบครันและครอบคลุม เปี่ยมประสิทธิภาพและช่วยประหยัดต้นทุน สามารถรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน การใช้งานเชิงธุรกิจระดับองค์กร รวมไปถึงการทำงานแบบ Work from Home ได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดจนศูนย์บริการแคนนอนที่มีคุณภาพและช่างผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการด้วยใจ และพันธมิตรศูนย์บริการพรินเตอร์ (Canon Certified Service Center – CCSC) ที่ได้มาตรฐานของแคนนอนอีก 156 สาขาทั่วประเทศ เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานของผู้บริโภค