นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้มีการใช้กัญชาเพิ่มมากขึ้น จึงต้องมีการติดตามเฝ้าระวังผลกระทบจากการใช้กัญชา ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์และเพื่อสุขภาพ แต่ไม่สนับสนุนการใช้ที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบ การเสพ และสันทนาการ โดยมีการออกกฎหมายมาควบคุมและป้องกันการใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ระหว่างรอการออก พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ...
ทั้งนี้ สธ. ได้จัดระบบติดตามเฝ้าระวังทั้งในส่วนของโรงพยาบาล คือ พิษจากกัญชาและปัญหาจิตประสาท และการเฝ้าระวังในชุมชน โดยเฉพาะการใช้ในทางที่ผิด โดยมอบหมายให้กรมสุขภาพจิต ออกแบบสำรวจเพื่อติดตามดูแนวโน้มผู้ป่วยในแต่ละเดือน รวมถึงติดตามเรื่องของการเกิดอุบัติเหตุด้วย
สิ่งสำคัญคือการส่งเสริมให้ประชาชนใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพอย่างถูกต้องเหมาะสม จำกัดการเข้าถึงในกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ขณะนี้ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อจัดทำข้อมูลสื่อสารกับประชาชนทุกวันผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊ก หมอพร้อม เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาทั้งผลดี ผลเสีย การใช้ที่ถูกต้อง
โดยสื่อสารทั้งในกลุ่มคนทั่วไปและกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากกัญชา ที่ต้องได้รับข้อมูลอย่างชัดเจน รวมถึงจะให้กรมการแพทย์และกรมสุขภาพจิตร่วมกันอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาที่สังคมห่วงใยในแต่ละเขตสุขภาพด้วย
"แม้กัญชาจะไม่ใช่ยาเสพติด แต่ยังมีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ดังนั้นควรใช้อย่างเหมาะสม โดยทางการแพทย์ จะมีคลินิกกัญชาทางการแพทย์ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยยากัญชา ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย ซึ่งหากใช้ภายใต้การดูแลของผู้ประกอบวิชาชีพจะมีความปลอดภัย กรณีการนำไปใช้ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดอาการเฉียบพลันต่างๆ ได้เตรียมการดูแลรักษาตามแนวทางของกรมการแพทย์ ส่วนผลิตภัณฑ์จากกัญชาได้กำชับให้ อย.ควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด"