จากการที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานกรรมาธิการ(กมธ.)ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ สภาผู้แทนราษฎร หรือ กมธ.กาสิโน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า กมธ.เตรียมเสนอรัฐบาลพิจารณาเปิดกาสิโน 5 แห่งทั่วทุกภาค เปิดให้เล่นการพนันทุกรูปแบบ ทั้งพนันพื้นบ้าน พนันสากล และพนันออนไลน์ โดยจะเปิดสัมปทานให้เอกชนมาร่วมลงทุน
ล่าสุด วันนี้ (1ก.ค.65) นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า “กรรมาธิการยังไม่น่าจะด่วนรีบออกมาขายฝัน เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องผ่าน ทั้งการเสนอรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ต่อสภาฯ การนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
และที่สำคัญ คือ ต้องเสนอขอความเห็นชอบจากประชาชนเจ้าของประเทศ ซึ่งในหลายประเทศถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นการปักหมุดถาวรที่จะยอมรับบ่อนพนันถูกกฎหมาย ต้องขอเสียงประชามติจากประชาชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในจังหวัดที่กาสิโนจะไปเปิด เพราะจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย ทั้งทางลบและทางบวก การศึกษาของกรรมาธิการถือเป็นการศึกษาของฝ่ายอยากมีกาสิโนเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการศึกษาที่รอบด้าน
ดังนั้น ก่อนจะไปถึงจุดนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องมอบหมายให้สถาบันวิชาการที่มีความเป็นกลางทำการศึกษาผลกระทบทางสังคมก่อน ว่ามีโอกาสจะเกิดผลเสียอะไรขึ้นบ้าง และจะคุ้มค่ากับผลประโยชน์ที่จะได้รับหรือไม่
อีกด่านที่สำคัญ คือ การจะทำเรื่องนี้ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ควรอาศัยช่องโหว่ของพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.๒๔๗๘ ซึ่งเป็นกฎหมายเก่า และล้าสมัยมาก มีเพียง 17 มาตรา ที่ไม่มีหมวดหมู่ใด ๆ เลย ไม่พูดถึงการควบคุม ไม่มีบทลงโทษที่คุ้มครองเด็กและเยาวชน ไม่แยกแยะความผิดระหว่างเจ้ามือและผู้เล่นพนัน และไม่มีบทบัญญัติที่ครอบคลุมถึงการพนันรูปแบบใหม่ ๆ จึงไม่เหมาะสมที่จะใช้รับมือกับการพนันสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย
ดังนั้น ควรต้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมายควบคุมการพนันให้เรียบร้อยเสียก่อน ให้มีหน่วยงานควบคุมการพนัน คล้ายกับคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ หรือคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกำหนดกฎเกณฑ์การอนุญาต การกำกับดูแลควบคุมการพนันที่อยากจะให้เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งการกำหนดบทลงโทษที่มากพอกรณีมีการกระทำผิดกฎหมาย
ต้องไม่ลืมว่าปัจจุบันลำพังปัญหาการพนันที่เป็นอยู่ เรายังจัดการได้ไม่มีประสิทธิภาพ แค่พนันตามงานวัด ตามตลาดนัด หรือตู้คีบตุ๊กตาตามห้างต่าง ๆ เรายังกำกับดูแลไม่ได้ แล้วจะไปควบคุมแหล่งพนันตัวพ่ออย่างกาสิโนไหวหรือ
ฉะนั้น กรรมาธิการควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาและผลกระทบที่จะมีตามมาเสียก่อน ไม่ควรด่วนขายฝันว่าจะมีบ่อนถูกกฎหมายที่โน่นที่นี่ มีรายได้มากมาย ซึ่งอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้ การจะคิดทำง่าย ๆ โดยให้รัฐบาลออกเป็นพระราชกฤษฎีกาน่าจะไม่เพียงพอต่อการรับมือ
ขอให้เรียนรู้จากกรณีกัญชาเป็นตัวอย่าง การด่วนปลดล็อคโดยที่ไม่มีความพร้อมในการกำกับดูแลและควบคุม นำมาสู่ปัญหามากมาย มีคนได้ประโยชน์แค่จำนวนน้อยเท่านั้น แต่คนที่ได้รับผลกระทบจะตามมาอีกมาก
"อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากคือ เรื่องการพนันออนไลน์ เป็นเรื่องที่มีความแตกต่างกับการพนันออนไซต์ และต้องใช้มาตรการการควบคุมหรือกำกับดูแลที่แตกต่างกัน หลายประเทศจึงออกเป็นกฎหมายเฉพาะแยกต่างหากจากพ.ร.บ.การพนัน เพราะการใช้กฎหมายเดียวครอบคลุมการพนันทุกประเภท อาจมีช่องโหว่มาก จึงควรออกเป็นกฎหมายเฉพาะให้สามารถดูแลควบคุมได้ตรงจุดมากขึ้น”