Ookbee - บีคอน แนะวิธีลงทุนลดเสี่ยงเจ็บตัว

06 ก.ค. 2565 | 22:34 น.

การลงทุนมีความเสี่ยง "หมู-Ookbee" และ "มด-Beacon" แนะวิธีการลดเสี่ยงการลงทุนตลาดเงินดิจิทัล เผยกลยุทธ์ DCA และบริหารลงทุน กระจาย asset class ช่วยลดการเจ็บตัว

นายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ หรือ "หมู - OokBee" ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้ง OokBee และ นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด ร่วมแนะนำวิธีการลงทุนในตลาดทุนและตลาดเงินดิจิทัล ในงาน Creative Talk Conference 2022 (CTC 2022) ซึ่งบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุน ภายใต้คอนเซปต์ “The Future of Everything” 

 

"หมู - OokBee" กล่าวว่า รูปแบบการลงทุน จากเดิมที่คนชอบเข้าไปเทรดหุ้นระยะสั้นๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อทำรายได้ ปัจจุบันเริ่มมีการปรับตัวสู่การลงทุนระยะยาว ที่ไม่ต้องนั่งเทรดทุกวัน โดยเฉลี่ยรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 

 

สำหรับแนวทางการลงทุน ผู้บริหาร OokBee กล่าวว่า การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งที่จำเป้นอย่างยิ่ง แลหากไม่มีเวลาในการเฝ้าหน้าจอจริงๆ ก็ไม่ควรลงทุนเทรดในตลาดหุ้นมากนัก ควรอยู่ที่สัดส่วน 5-10% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดก็พอ เป็นการเทรดเพื่อความสนุก แต่หากต้องการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน หลักการง่ายๆ คือ การซื้อถูกขายแพง ไม่ใช่ไม่ซื้อตอนราคาแพง เพราะคนนิยม แล้วไปขายในราคาที่แพงขึ้น ลักษณะนี้จะทำให้เจ็บตัวง่าย หรือหากมีความสนใจลงทุนในตลาดหุ้น แต่ไม่มีเวลา ก็ควรลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีบริการ 

"ส่วนตัว Asset Class แต่ละตัวมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ต่างกัน ผมก็ลงทุนกระจายไปใน Asset Class ต่างๆ เช่น บ้าน ที่ดิน เพราะเรียลเอสเตทจะชนะเงินเฟ้อ อีกส่วนหนึ่ง คือ การลงทุนในดิจิทัลแอคเซส ให้ผู้จัดการกองทุนเป็นคนจัดการให้ หรือไม่ก็เป็นพวก  Defi และ สเตเบิลคอยท์ อันนี้ก็ไม่เจ็บตัว" ซีอีโอ OokBee กล่าว และแนะนำเพิ่มเติมว่า การลงทุนอาจมีเจ็บตัวบ้าง เป็นเรื่องปกติ เพราะไม่เคยมีนกลงทุนคนไหนไม่เคยเจ็บตัว ที่สำคัญคือ เมื่อเจ็บตัวแล้วต้องเรียนรู้ เงินที่เสียไปถือเป็นค่าเล่าเรียน ก็ต้องดูว่า ถ้าเสี่ยงเราก็ต้องลงทุนน้อยหน่อย

 

การบริหารความเสี่ยง มันคือเรื่องสำคัญ และสำคัญมากกว่าการที่เราจะเลือก Asset นั้นนี้ หรือลงทุนแบบไหน คำถามคือ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ตอนนี้เสี่ยงหรือเปล่า หุ้นจะตกหรือเปล่า หรือจะตกไปมากกว่านี้ไหม แล้วเมื่อไรจะถูกหรือแพง ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันความเสี่ยงคือ การ DCA (Dollar-Cost Averaging) ลงทุนเฉลี่ยในระยะยาวไปเรื่อยๆ และเฉลี่ยการลงทุนในแต่ละ Asset Class ซึ่งแต่ละตัวให้ผลตอบแทนต่างกัน หัวใจในการเข้าไปลงทุน มันอยู่ที่การบริหารพอร์ต จัดการพอร์ต ไม่ใช่ตัวไหนดีหรือไม่ดี แล้วไปทุ่มซื้อ นักลงทุนที่ดีต้องกระจายความเสี่ยง ถ้าเฉลี่ยไปเรื่อยๆ มีวินัย 3-4 ปี จะไม่มีทางดอย 


นายธนพงษ์ กล่าวว่า เรื่อง Asset Class ควรกระจายการลงทุนไป 3 กลุ่ม คือ 1. รีเสิร์ฟ เป็นมันนี่มาร์เก็ตที่ค่อนข้างนิ่งหน่อย 2. คือลงทุนใน Asset อะไรที่ให้ผลตอบแทนดี และ 3. การลงทุนที่ไม่ค่อยอิงตลาดมากนัก เพราะถ้าตลาดตก ก็มีตัวนี้มาช่วย ตัวนี้ควรลงทุนประมาณ 20% พอร์ตทั้งหมด เพื่อให้ไม่ให้มีความเสี่ยงมากนัก 

 

สำหรับปีนี้ที่สภาพเศรษฐกิจซบเซา ปีนี้เศรษฐกิจซบเซาสตาร์ทอัพจะเหนื่อย เพราะมันกระทบมาจากต่างประเทศ จากเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกา ตลาดหุ้นตก สตาร์ทอัพก็มีผล นักลงทุนจะได้ของดีที่ราคาถูกลง การลงทึนในสตาร์ทอัพเลยไม่ดี เพราะนักลงทุนจะคิดเยอะ ดังนั้น สิ่งที่ควรทำนอกเหนือจากการกระจายลงทุนแล้ว คือ การทำ DCA ทยอยเก็บของดีเข้าพอร์ต