ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงาน และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม คณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อติดตามงาน และรับทราบสถานการณ์การฟื้นฟูการบินไทยล่าสุด
โดยในการประชุมครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ผู้บริหารการบินไทย ผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทย ผู้บริหารกระทรวงการคลัง เข้าร่วมการประชุมหลายคน เช่น นายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ , นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร , นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลัง และ นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เข้าร่วมประชุม
นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการแก้ปัญหาทั้งหมด หลังจากที่ประชุมเจ้าหนี้ และศาลล้มละลายกลางได้รับทราบและอนุมัติให้การบินไทยดำเนินการตามแผนฟื้นฟู
ทั้งนี้ ยอมว่า แม้การดำเนินธุรกิจของการบินไทยในปัจจุบัน จะเริ่มมีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้ ผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ฟื้นตัวดีขึ้นมาก แต่อย่างไรก็ดีเมื่อดูตามเกณฑ์การกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่มีการติดตามผลการดำเนินงาน ยังถือว่า การบินไทยยังอยู่ในแผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลต้องกำกับดูแลอยู่
ขณะเดียวกันยังพบว่า ล่าสุดการบินไทย มีสถาพคล่องเพิ่มขึ้น และสามารถลดวงเงินที่จะขอกู้เงิน และเพิ่มทุนจากเดิมที่ต้องการวงเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เหลือ 2.5 หมื่นล้านบาท
“การดำเนินงานของการบินไทยในขณะนี้อาจไม่จำเป็นต้องกู้เงินเลยก็ได้ แต่ว่าผู้บริหารยังขอวงเงินในส่วนนี้และขอการสนับสนุนจากรัฐบาล ในการเพิ่มทุนและแปลงหนี้เป็นทุนที่วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะใช้เสริมสภาพคล่องธุรกิจหากมีความจำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการธุรกิจ โดยในส่วนนี้จะดูช่วงเวลาที่เหมาะสมว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่
นางปานทิพย์ ระบุว่า หากสถานการณ์ในธุรกิจการบินยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าการบินไทยจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูฯได้เร็วกว่ากำหนดไว้ที่เดิม โดยคาดว่าจะออกจากแผนฟื้นฟูฯ ภายใน 3 ปีจากนี้ หรือภายในปี 2568
นอกจากนี้ เรื่องการที่จะนำหุ้นของการบินไทย หรือ “THAI” เข้าไปเทรดในตลาดก็ต้องไปดูเงื่อนไขของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่กำหนดไว้ว่าหุ้นของบริษัทต้องมีส่วนของทุนไม่ติดลบ และกำไรก่อนหักภาษีและต้นทุน (EBITDA) เป็นบวกและตอนนี้ก็เป็นไปด้วยดีและเป็นไปตามแผนทั้งหมด ทำให้การฟื้นฟูการบินไทยนั้นถือว่าเป็นไปตามแผนหรือว่าเร็วกว่าแผนที่วางไว้
“การถือหุ้นของการบินไทยของรัฐบาลนั้น ยังยืนยันว่า รัฐบาลจะยังคงถือหุ้นใหญ่ในการบินไทยในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 40% แม้ว่าการบินไทยจะแปลงหนี้เป็นทุนหรือเพิ่มทุน เพื่อให้สายการบินนี้เป็นสายการบินแห่งชาติ แม้ว่าการถือหุ้นใหญ่ของการบินไทยนั้นจะไม่ได้เป็นการถือหุ้นในสัดส่วนเกิน 50% จนทำให้การบินไทยกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือนในอดีต”