นายธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE เปิดเผยว่า กลุ่มทรูอยากให้คนไทยได้มีความสุขกับการรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2 แมตซ์สุดท้าย ทั้งนัดชิงชนะเลิศระหว่าง ฝรั่งเศส-อาร์เจนตินา วันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. 2565 และ นัดชิงอันดับสามระหว่าง โมร็อกโก-โครเอเชีย วันเสาร์ที่ 17 ธ.ค. 2565 ซึ่งเป็นแมตซ์หยุดโลกที่แฟนบอลชาวไทยทุกคนต่างรอคอย
ดังนั้น เพื่อให้คนไทยทั่วประเทศได้รับชมอย่างครอบคลุมและทั่วถึง กลุ่มทรู ในฐานะผู้ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดการแข่งขันดังกล่าวผ่านระบบไอพีทีวีแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบไอพีทีวีทุกรายในการนำสัญญาณถ่ายทอดการแข่งขันจากช่องดิจิตอลทีวีไปเผยแพร่ภายใต้การให้บริการผ่านกล่องรับสัญญาณในระบบ IPTV โดยไม่มีข้อจำกัดและไม่มีการเรียกเก็บค่าตอบแทน
ทั้งนี้ การถ่ายทอดต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของฟีฟ่า และการกีฬาแห่งประเทศไทย ตัวแทนผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในไทย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ จึงจำเป็นต้องขอให้ผู้ให้บริการระบบไอพีทีวีที่ต้องการให้สมาชิกได้รับชมส่งหนังสือแจ้งความจำนงในการเผยแพร่ออกอากาศการแข่งขันมายังกลุ่มทรู พร้อมระบุมาตรการในการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ที่จะไม่ทำให้สัญญาณเผยแพร่ผ่านการให้บริการในรูปแบบอื่น อาทิ แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ และจะไม่เปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลง ผังรายการหรือเนื้อหารายการแต่อย่างใด เพื่อสร้างมาตรฐานสำหรับการถ่ายทอดสดของกีฬาระดับโลกในอนาคต
นอกจากนี้ ผู้ให้บริการในระบบไอพีทีวีที่ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มทรูในการเผยแพร่ออกอากาศการแข่งขันคราวนี้ ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือต่างตอบแทนกับกลุ่มทรูในอนาคตเช่นกัน
“การตัดสินใจครั้งนี้ แม้จะมีผลกระทบกับผลตอบแทนที่ควรได้รับจากการเป็นผู้สนับสนุน แต่กลุ่มทรูก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบไอพีทีวีโดยไม่มีการเรียกเก็บค่าตอบแทน เพื่อให้คนไทยทั่วประเทศได้มีความสุขและเต็มอิ่มกับการรับชมการแข่งขันกีฬาระดับโลก โดยเฉพาะ 2 แมตซ์หยุดโลกของ World Cup 2022 ที่เป็นรายการที่ได้รับความสนใจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นรายการการแข่งขันที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกรายการหนึ่ง"
ทั้งนี้ กลุ่มทรูในฐานะผู้ประกอบการที่เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลกมาโดยตลอด เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญและเคารพเรื่องลิขสิทธิ์ในคอนเทนต์ตามมาตรฐานสากล และต้องปฏิบัติตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งอาจส่งผลต่อการรับชม คอนเทนต์ระดับโลกของประชาชนชาวไทยต่อไปในอนาคตได้