การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 มกราคม 2566 มีวาระสำคัญเกี่ยวกับงบประมาณที่ต้องห้ามพลาด หลังจาก 17 หน่วยงานภาครัฐ ได้จัดทำข้อเสนอขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 รายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป มาให้ครม.เห็นชอบ เพื่อ “ของบทิ้งทวน” ก่อนถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานต่อจากนี้
นับเป็นการดำเนินการต่อเนื่อง หลังจากกรอบวงเงินรายจ่ายงบประมาณปี 2567 ได้ผ่านการเห็นชอบจากครม.ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีวงเงินงบประมาณรายจ่าย 3.35 ล้านล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 1.65 แสนล้านบาท กำหนดการขาดดุลงบประมาณ 5.93 แสนล้านบาท หรือมีสัดส่วนอยู่ที่ 3% ต่อ GDP ปรับลดลงจากปีงบประมาณก่อนประมาณ 1.02 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตามในการเสนอขอตั้งงบประมาณปี 2567 เข้ามาให้ครม.เห็นชอบในครั้งนี้นั้นฐานเศรษฐกิจได้รวบรวมรายละเอียดการจัดทำข้อเสนอของหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งบรรจุอยู่ในวาระเพื่อพิจารณา สามารถสรุปได้ดังนี้
1.กระทรวงมหาดไทย เสนอการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ
พร้อมทั้งยังเสนอการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงมหาดไทยเข้ามาด้วย
2.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เสนอการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ในโครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต
3.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป
4.กระทรวงยุติธรรม เสนอขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป
5.กระทรวงสาธารณสุข เสนอขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (โครงการศูนย์การแพทย์เพื่อตอบโต้โรคอุบัติใหม่แห่งชาติบำราศนราดูร)
6.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เสนอโครงการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเริ่มใหม่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
7.สำนักนายกรัฐมนตรี เสนอขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ วงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป "การจัดหาเครื่องบิน รับ-ส่ง บุคคลสำคัญ ทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 19 จำนวน 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็น"
8.สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
9.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงิน ตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป
10.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เสนอแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
11.สถาบันพระปกเกล้า เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
12.สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
13.สำนักงานศาลปกครอง เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
14.สำนักงานศาลยุติธรรม เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
15.สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
16.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
17.สำนักงานอัยการสูงสุด เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
จัดทัพเตรียมพร้อมเลือกตั้ง
ความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีความชัดเจนขึ้นแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ลงนามหนังสือ เรื่อง การเตรียมความพร้อมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป ส่งถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคการเมืองแล้ว
โดยระบุว่า เนื่องจากอายุสภาผู้แทนราษฎรจะสิ้นสุดลงในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ หรือ กรณีมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรต้องจัดให้มีการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ
ขณะเดียวกันในการประชุมครม. วันนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังได้เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นคำใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปด้วย