IMF เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.9% คงเป้าจีดีพีไทย

31 ม.ค. 2566 | 08:26 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ม.ค. 2566 | 08:38 น.

IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.9% อานิสงส์ จีนเปิดประเทศ  แรงกดดันเงินเฟ้อลด พร้อมคงเป้าเศรษฐกิจไทย จับตาอินเดียขยายตัวอ่อนแรง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยแพร่รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาโดยปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2566 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะโต 2.7% เป็น 2.9% เพิ่มขึ้น 0.2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค. 2565 แต่ยังต่ำกว่าการขยายตัวที่ระดับ 3.4% ในปี 2565

IMF ยังคาดการณ์เศรษฐกิจไทยใน 2566 จะขยายตัว 3.7% และปี 2567 ขยายตัว 3.6% เท่ากับประมาณการเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค. 2565 

ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยสำหรับ 5 ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์,  สิงคโปร์ และไทย  IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเฉลี่ยของ 5 ประเทศสมาชิกอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัว 4.3% ในปี 2566 ลดลง 0.2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค. จากนั้นจะขยายตัว 4.7% ในปี 2567 ลดลง 0.2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค.2565

IMF ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 5.2% ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 0.8% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนต.ค. 2565 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศอีกครั้ง หลังใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์นานถึง 3 ปี โดยเศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 3% ในปี 2565 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปีที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก

ส่วนเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวอ่อนแอลงสู่ระดับ 6.1% ในปีงบประมาณ 2566 ก่อนขยายตัวที่ 6.8% ในปีงบประมาณ 2567 เมื่อเทียบกับตัวเลขประมาณการที่ 6.8% ในปีงบประมาณ 2565
 รายงานระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียและเศรษฐกิจเฉลี่ยของ 5 ประเทศสมาชิกอาเซียนมีแนวโน้มเติบโตชะลอตัวในปีนี้ โดยถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ก่อนจะขยายตัวเร็วขึ้นในปี 2567 แม้ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดจะต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค.2565 ก็ตาม

นายปีแอร์ โอลิเวอร์ กูรินชาส์ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยของ IMF ระบุว่า จีนและอินเดียเมื่อรวมกันแล้วคิดเป็นสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้

"การที่จีนเปิดประเทศแบบฉับพลันช่วยหนุนให้กิจกรรมเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ภาวะการเงินโลกก็กระเตื้องขึ้นเนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มลดลง ส่วนดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงจากระดับสูงเมื่อเดือนพ.ย. 2565 ช่วยลดความตึงเครียดให้กับตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาพอสมควร

แม้เศรษฐกิจจีนช่วยหนุนให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกกระเตื้องขึ้น แต่หลายประเทศในเอเชียนั้นพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้นกิจกรรมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจะถือเป็นปัจจัยบั่นทอนสำคัญ" นายกูรินชาส์กล่าว

ส่วนเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชีย IMF มองว่ามีแนวโน้มขยายตัวแซงหน้าประเทศพัฒนาแล้ว โดยเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียมีแนวโน้มขยายตัว 5.3% ในปี 2566 เทียบกับเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วที่มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 1.2%