หลังการประชุมของทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% แตะระดับ 1.5% ต่อปี และแนวโน้มยังเป็นขาขึ้นนั้น กระทรวงการคลัง ยังมั่นใจไม่กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แม้แบงก์รัฐขยับดอกเบี้ยตาม กนง.
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า สถาบันการเงินของรัฐได้ขขยับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากไม่ได้ขยับขึ้นดอกเบี้ยมา 2 ปีแล้ว แม้ทางสถาบันการเงินของรัฐจะขยับอัตราดอกเบี้ย แต่ยังต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง เนื่องจากต้องดูแลกลุ่มเปราะบาง สถาบันการเงินของรัฐมีวิธี และมีมาตรการดูแลในการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ และจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ทั่วไป อาจต้องปรับดอกเบี้ยตามนโยบาย แต่จะต้องปรับขึ้นทั้ง 2 ขา ทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะไม่กระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะการจ้างงานในส่วนของภาคการท่องเที่ยว และภาคบริการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนแรงงานในภาคท่องเที่ยวบริการยังไม่เพียงพอ ทำให้ประชาชนยังสามารถหางานทำได้
สอดคล้องกับ นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ที่มองว่า สถาบันการเงินของรัฐ มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หลังมีการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับเดิมตลอดปี 2565 เพื่อให้ลูกค้าประชาชนได้มีเวลาปรับตัว ซึ่งการปรับดอกเบี้ยมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาด ควบคู่กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับไปแล้วก่อนหน้านี้
ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าว ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบให้เงินส่งงวดของลูกค้าส่วนใหญ่ต้องปรับขึ้นแต่อย่างใด