กลุ่ม SABUY มองคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อไม่กระทบผู้ให้บริการรายใหม่

02 พ.ย. 2565 | 11:35 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ย. 2565 | 16:58 น.

สบาย แคปปิตอล พลัส มองประกาศ สคบ. คุมเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อรถ กระทบกลุ่มเสี่ยงสูง เข้าถึงบริการสินเชื่อยากขึ้น ระบุไม่กระทบผู้ให้บริการสินเชื่อรายใหม่ ช่วยสร้างความชัดเจน มองเห็นกลุ่มตลาดเป้าหมาย ขณะที่ผู้ประกอบการรายเดิม ต้องปรับกระบวนการ ลงทุนนำเทคโนโลยีมาช่วย

นายจตุฤทธิ์  จันทรกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสบาย แคปปิตอล พลัส จำกัด   กล่าวในงาน“𝗧𝗵𝗲 𝗕𝗶𝗴 𝗜𝘀𝘀𝘂𝗲 𝟮𝟬𝟮𝟮 : คุมสัญญาเช่าซื้อลิสซิ่งสะเทือน” ภายใต้หัวข้อเสวนา “ธุรกิจลิสซิ่งจะอยู่อย่างไรภายใต้กฎกติกา สคบ.ใหม่” ว่ากลุ่มธุรกิจของกลุ่ม SABUY  มีบริการที่หลากหลาย และครอบคลุม ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคตั้งแต่ตื่นนอนหลับและตื่นนอนหลับชีวิตสบาย 

กลุ่ม SABUY มองคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อไม่กระทบผู้ให้บริการรายใหม่

โดยกลุ่ม SABUY มีฐานลูกค้าอยู่ 50 ล้านคน  มียอดการทำธุรกรรมบริการ 40 ล้านธุรกรรมต่อเดือน  มีจุดให้บริการมากว่า 5 แสนจุด   โดยบริการการเงิน  ภายใต้ สบาย แคปปิตอล พลัส ถือเป็นหนึ่งในบริการหลัก ที่ให้บริการทางด้านสินเชื่อกับหลากหลายธุรกิจ  รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์  รถบรรทุก 

ซึ่งการออกประกาศฉบับ สคบ.ใหม่ ได้มีการรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ในระบบพบว่า เหลือลูกค้าเพียง 1.8 แสนราย  ที่เป็นลูกค้าคุณภาพสำหรับการบริการสินเชื่อ  ซึ่งถามว่าจำนวนลูกค้านี้เพียงพอหรือไม่ ต้องตอบว่าเพียงพอ  ในเบื้องต้นของการให้บริการเราคงไม่ต้องการลูกค้าจำนวนมากๆ  อย่างไรก็ตามมีข้อกังวลเรื่องวิธีการปฏิบัติ  และต้นทุนของระบบในการดำเนินการที่เพิ่มขึ้น      ซึ่งโดยสรุปคือมีผลกระทบบ้าง  แต่ลูกค้าชั้นดีก็จะไม่มีปัญหา   และน่าจะเป็นผลดีกับผู้บริโภคด้วย 

 

กลุ่มลูกค้าเช่าซื้อรถยนต์กับมอเตอร์ไซด์ แตกต่างกัน วิธีการคิดไม่เหมือนกัน  ผลกระทบจากประกาศนี้ก็แตกต่างกัน  อย่างรถยนต์ ประกาศฉบับนี้กำหนดเพดานคุมดอกเบี้ยไว้สูงกว่าตลาด ของมอเตอร์ไซด์ ประกาศเพดานคุมอัตราดอกเบี้ยไว้ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาด

นายจตุฤทธิ์  กล่าวต่อไปว่าเชื่อว่าในกลุ่มรถยนต์นั้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดยังเป็นผู้นำอยู่ด้วยการแข่งขันของผู้ประกอบการ   แต่หากมองในกลุ่มลูกค้า SABUY ที่มองกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ 1.8 แสนราย มันมีดาบสองคม ถ้าเรามองลูกค้ามีศักยภาพอย่างเดียว มันมีอัตราการปิดบัญชี 1 ใน 3   โดยกลุ่มนี้ปิดบัญชีเพราะไม่ต้องการเพื่อลดอัตราดอกเบี้ย  แต่ปิดบัญชีเพราะต้องการเปลี่ยนรถรุ่นใหม่    ซึ่งผลกระทบเหล่านี้มีผลต่อผู้ประกอบการเช่นเดียวกัน   เพราะอัตราดอกเบี้ยก็ต้องแข่งในตลาด   แล้วยังมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

 

อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ มองว่าที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีการควบคุม หรือประกาศเพดานคุมอัตราดอกเบี้ย  ส่วนใหญ่ดอกเบี้ยจะขึ้น  สังเกตได้จากก่อนหน้านี้มีการประกาศควบคุมอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต  หรือสินเชื่อส่วนบุคคล   ผู้ให้บริการทุกรายพร้อมใจปรับอัตราดอกเบี้ยไปแตะสูงสุดของเพดานควบคุม ทั้งที่ก่อนหน้านี้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดานควบคุม   ขณะที่สถานการณ์ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง      

 

นายจตุฤทธิ์    กล่าวต่อไปอีกว่า การออกประกาศดังกล่าวนั้นกลุ่มลูกค้าคุณภาพ  ไม่กระทบ  แต่อาจมีความลังเล   เพราะอยากได้ดอกเบี้ยที่ต่ำลง  แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ต่ำลง   ส่วนกลุ่มที่กระทบคือ  ลูกค้าที่มีความสามารถต่ำกว่า สมัยก่อนไม่มีเพดานคุมอัตราดอกเบี้ย  โดยอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับความเสี่ยง  แต่ตอนนี้มีเพดานอัตราดอกเบี้ยควบคุม จะทำให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อยากขึ้น

 

ส่วนผลกระทบกับผู้ประกอบการนั้นผู้ประกอบการรายเดิมที่มีในตลาดต้องปรับระบบ กระบวนการ ต้องเอาไอทีเข้ามาช่วย และต้องสื่อสารออกไปให้ลูกค้าทราบ  ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่อย่างสบาย ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดนั้นมีปัจจัยที่ต้องคิดเพิ่มเติมพอสมควร  เพราะมีต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น     อย่างไรก็ตามมองว่าการมีประกาศดังกล่าวถือเป็นเรื่องดี  เพราะมีความชัดเจนขึ้น   และมองเห็นตลาดชัดเจนว่าจะมุ่งให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มไหน