นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการจัดงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับสภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย ว่าการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและสภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งที่แสดงถึงพลังความมุ่งมั่นของภาครัฐและภาคเอกชน
ในอันที่จะร่วมกันยกระดับการจัดงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok สู่การเป็นงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ที่สำคัญของภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม เพราะด้วยศักยภาพและจุดเด่นของทั้งสองหน่วยงาน จะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายผลความร่วมมือ เพื่อสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทยให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของประเทศ โดยสร้างรายได้ให้กับประเทศมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติ COVID-19 ซึ่งจากการดำเนินงานเร่งรัดการส่งออกทั้งในเชิงรุก และเชิงลึก โดยผ่านคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.)
และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ได้ส่งผลให้การส่งออกของอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นในปี 2564 สร้างมูลค่ามากกว่า 3.8 แสนล้านบาท โดยขยายตัวถึง 18.68% และในปี 2565 นี้ คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 7.5%
ด้านนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า STYLE Bangkok เป็นเวทีการค้าที่ผู้ซื้อและผู้ขายได้พบปะเจรจาธุรกิจ แลกเปลี่ยนความรู้ อัพเดทเทรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ เพื่อสนับสนุนผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่สำคัญของภูมิภาค และเป็นเวทีสำหรับผู้ประกอบการ SMEs และ Micro SME
ตลอดจนนักออกแบบไทยได้แสดงผลงานความคิดสร้างสรรค์
สู่ตลาดโลก และการจัดงาน STYLE Bangkok กำหนดกลับมาจัดในรูปแบบปกติอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 22 – 26 มีนาคม2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันสู่การเป็นงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาหอการค้า แห่งประเทศไทยในฐานะองค์กรภาคเอกชน ตระหนักถึงความสำคัญในการร่วมจัดงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok ซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งเครือข่ายสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการบูรณาการที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและผู้ประกอบการไทยในกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์และแฟชั่น
ให้มีโอกาสในการแสดงศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของสินค้าไทยในเวทีโลก เป็นการเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย