นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชี้แจงว่า กรณีที่ตนเป็น 1 ในแคนดิเดต ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เนื่องจากมีจุดเด่น ความรู้ความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ทั้งด้านกฎหมาย การเงิน รวมถึงความเข้าใจต่อระบบโลจิสติกส์ทางรางและทางอากาศของประเทศเป็นอย่างดี นั้น
ส่วนกระบวนการสรรหาตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกนั้น ใช้วิธีการเชิญบุคคลที่คณะอนุกรรมการสรรหาฯเห็นสมควรเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์ ซึ่งตนก็ได้รับเกียรติดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามตนได้พิจารณาสละสิทธิ์ในการเข้ารับการสรรหาแล้วตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว จึงไม่ได้เป็นในแคนดิเดต ในการสรรหาตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) แต่อย่างใด
ที่ผ่านมาคณะกรรมการสรรหาที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน กำลังดำเนินการหาผู้ที่เหมาะสมจาก 3 คนเข้ารอบสุดท้าย ประกอบด้วย
1.นายธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการอีอีซี
2.นายจุฬา สุขมานพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม
3.นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คาดว่า จะได้ตัว "เลขาธิการ อีอีซี" คนใหม่ประมาณต้นเดือนธันวาคม 2565
ทั้งนี้การสรรหาผู้ที่จะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ "เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก" หรือ เลขา EEC คนใหม่ต่อจาก นายคณิศ แสงสุพรรณ ที่หมดวาระไปตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม "เลขาธิการ อีอีซี" คนใหม่ที่จะเข้ามารับไม้ต่อจากนายคณิศในครั้งนี้จะต้องเข้ามากำกับ ดูแล และสานต่อการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญใน EEC ในโครงการร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน (PPP) มูลค่ารวม 2.2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ,สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ,ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 ,ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ,ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO)