ดักคอ‘คมนาคม’ ดันรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้าครม.

30 พ.ย. 2565 | 20:30 น.

  เวทีสัมมนา ความโปร่งใสประมูลเมกะโปรเจ็กต์รัฐ จับตา คมนาคมดันแน่ รถไฟฟ้า สายสีส้มเข้าครม. ก่อนยุบสภา ดักคอ “บิ๊กตู่” สั่งเบรก หวั่นกลายเป็นค่าโง่ ปมส่วนต่าง 6.8 หมื่นล้าน

 

 

 

งานเสวนา “THE BIG ISSUE 2022 ความโปร่งใสในการประมูลงานภาครัฐ กับอนาคตประเทศไทย” จัดโดย สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับฐานดิจิทัล และหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนแวนชั่น ในหัวข้อ “ความโปร่งใสการประมูลเมกะโปรเจ็กต์” 

 

บนเวที พุ่งเป้าไปที่ ความเคลือบแคลงสงสัย ส่วนต่าง 68,612.53 ล้านบาทที่รัฐอาจเสียหาย จากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์- มีนบุรี (สุวินทวงศ์)กรณี บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด(มหาชน) หรือBTSC เปิดตัวเลขการขอรับสนับสนุนงบประมาณรัฐลงทุนงานโยธาสายสีส้มตะวันตกเพียง 9,675 ล้านบาท

 

เทียบกับการประมูลรอบสองรัฐต้องอุดหนุนงบประมาณมากถึง 78,288 ล้านบาท ให้กับผู้ชนะประมูล ทั้งที่มูลค่าโครงการระยะเวลาดำเนินการไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจาก การเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การประมูลในทุกวิถีทางส่อเอื้อประโยชน์ กีดกันการแข่งขันให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง จนนำไปสู่การฟ้องร้อง คดียังอยู่ในศาลปกครอง,ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ บริษัท ระบบขนส่งกรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

เวทีสัมมนา ความโ)ร่งใสในการประมูลงานภาครัฐ กรณีรถไฟฟ้าสายสีส้ม

 

 

เบรกบิ๊กตู่ ทิ้งทวน สายสีส้ม

              

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้เอกชนผู้ชนะประมูลเรียบร้อยแล้ว รอเพียงกระบวนการกระทรวงคมนาคมนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติลงนามในสัญญาระหว่างเอกชนกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หลายฝ่ายฟันธงว่า จะได้เห็นครม.อนุมัติทิ้งทวนโครงการสายสีส้มก่อนยุบสภาฯ หรือก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง

 

วงเสวนามองว่าจะต้องใช้เวทีนี้เบรกกระบวนการดังกล่าวให้ถึงที่สุด เพราะเป็นโครงการไม่โปร่งใส โดยผู้ที่ต้องตระหนักและสามารถยับยั้งโครงการได้คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

              

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) สะท้อนว่า เชื่อว่า ครม. จะอนุมัติรถไฟฟ้าสายสีส้ม เพราะรฟม.จะพยายามผลักดันทุกวิถีทางเพื่อให้โครงการเกิดขึ้นเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามหากสายสีส้มอนุมัติให้ลงนามในสัญญาจะเลิกเชื่อถือคนในครม.ทั้งคณะที่เคยมีนโยบายปราบปราบทุจริตคอรัปชั่น ทั้งนี้ ผู้ที่จะหยุดขบวนการนี้ได้จะเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว

              

พร้อมกันนี้  ยังตั้งข้อสังเกต 10 ประเด็น อาทิ ถ้าไม่ล้มประมูล BTSC อาจชนะประมูล รัฐประหยัดเงิน 6.8 หมื่นล้านบาท ข้อที่ 2 รฟม. เปลี่ยนเกณฑ์ประมูล หลังบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ขอให้เปลี่ยนแค่ 2 สัปดาห์ ทั้งที่ศึกษาเกือบ 2 ปี ข้อที่ 3 การประมูลครั้งที่ 2 เหตุใดรฟม.จึงลดคุณสมบัติผู้เดินรถไฟฟ้า แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาสูงขึ้นฯลฯ

ดร. สามารถ ราชพลสิทธิ์

 

ดร.สุรเชษฐ์  ประวีณวงศ์วุฒิ

 

จากเมกะโปรเจ็กต์ถึง “เมกะดีล”

              

 

สอดคล้อง นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฟันธง ว่า ครม.ทิ้งทวน อนุมัติ รถไฟฟ้า สีส้มตะวันตก ก่อนยุบสภาแน่นอน และยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้น ซึ่งควรจะหยุดกระบวนการดังกล่าว หากปล่อยให้มีการอนุมัติประเทศไทยต้องเสียผลประโยชน์มหาศาล

 

โดยเรียกโครงการนี้ว่า “3 ป” เพราะพบว่ามีกระบวนการ ปั้นตัวเลข มา ปั่นโครงการ และในวันนี้ใกล้จะ ปันผลประโยชน์ หากถูกส่งไปยัง ครม. จะทำให้เงินภาษีของประชาชนถูกใช้เกินจำเป็น 68,612.53 ล้านบาทสร้างความเสียหายทันที

              

พร้อมตั้งข้อสังเกตโครงการ สายสีส้ม แยกเป็นหลายท่อนหลายส่วน ทั้งส้มตะวันออก-ตะวันตก ทั้งจ้างงานโยธา และการเดินรถ ซึ่งต้องมีความชัดเจนในข้อมูลตัวเลขต่างๆ ได้ทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบในสภาฯ รวมทั้งเป็นอนุกรรมาธิการโครงสร้างพื้นฐานฯ ได้เชิญหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการมาชี้แจงหลายครั้ง ไม่มีใครกล้ายืนยันตัวเลขอย่างชัดเจน

 

 

"โครงการมีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลสายสีส้มเป็นโครงการที่มีปัญหามาก และได้ติดตามมาโดยตลอด  มีการพูดกันถึงตัวเลขราคากลางที่ 9 หมื่นกว่าล้านบาท เป็นตัวเลขหลอก เพราะฐานในการคิดต่างกัน เดิมคิดจากฐานการลงทุนงานโยธาช่วงก่อสร้าง แต่ก่อนหลังจากฐานรายได้จากการเดินรถที่ต้องเก็บอีก 30 ปี จนมีส่วนต่าง 6.8 หมื่นล้านบาท ที่ถามกันว่าหายไปไหนอยู่กับใคร อย่าปล่อยให้ความไม่โปร่งใสไม่ชอบธรรมเกิดขึ้นได้ อย่าปล่อยให้เมกะโปรเจ็กต์กลายเป็นเมกะดีล ซึ่งจะกลายเป็นค่าโง่ตามมา"

 

 

 

จิรายุ ห่วงทรัพย์

 

สายสีส้มส่อลากยาว

              

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย สะท้อนปมร้อนการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม กรณีกระบวนการไม่โปร่งใส เริ่มจากเอกชน ต้องการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การประมูล โดยอ้างว่า ต้องขุดเจาะอุโมงค์ผ่าน เกาะรัตนโกสินทร์ รวมทั้งลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ต้องใช้เทคนิคชั้นสูง เพราะมีเอกชนเพียงรายเดียวร้องขอปรับเกณฑ์และรฟม.ได้ตอบสนองใช้เวลาปรับเกณฑ์ทีโออาร์ใหม่ เพียงไม่กี่วัน ทั้งที่ใช้เวลาศึกษามานาน

 

นอกจากนี้ยังกำหนดเงื่อนไขผูกให้ผู้ชนะประมูลสายสีส้มตะวันตกรับสัมปทานเดินรถทั้งระบบ (ตะวันตกและตะวันออก) ขณะค่าก่อสร้างงานโยธาฝั่งตะวันออก รัฐเป็นฝ่ายออกให้ แต่เอกชนที่ชนะประมูล กลับลงทุนค่าก่อสร้างเพียงครึ่งเดียว และได้รับได้ประโยชน์จากการเดินรถทั้งเส้นทาง มองว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก

 

ขณะเดียวกันไม่ฟันธงว่า ครม.จะเร่งอนุมัติ โครงการให้เดินต่อ หรือไม่ เพียงแต่สายสีส้มช่วงตะวันออก ที่ก่อสร้าง เกือบ 100% มีความล่าช้า ประชาชนเสียประโยชน์ เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ไม่ต่ำกว่าปีละ กว่า 46,000 ล้านบาท โดยเฉพาะคนที่ซื้อที่ดิน คอนโดมิเนียม ตลอดจนการลงทุนเชิงพาณิชย์ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากสายสีส้มตะวันออก โดยเฉพาะคนในพื้นที่ คลองสามวา มีนบุรี รามคำแหง ฯลฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรมและเสียโอกาส

     

ดันฝ่ายบริหาร -ตุลาการขับเคลื่อน          

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่า รฟม.ออกมายืนยันว่าเส้นทางตะวันออกจะเปิดให้บริการในปี 2568 หลังล่าช้ามา 2 ปี นายจิรายุ มองว่า จะล่าช้าจริงไม่ต่ำกว่า 4 ปี เพราะกว่าเส้นตะวันตกจะได้รับอนุมัติ และจัดซื้อขนวนรถต้องใช้เวลา

              

 

“ไม่สนใจถ้าเอกชนรายไหนจะชนะการประมูล หรือได้ประโยชน์เพราะเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่วิธีการมากกว่าว่าเข้าตามตรอกออกตามประตูหรือไม่ ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้”

              

ทั้งนี้อยากให้มีกระบวนการยุติธรรมที่พึ่งพาได้ ฝ่ายบริหาร นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนต่อประเทศชาติ ขอให้ประเทศมีกลไกถ่วงดุลทั้งฝ่ายบริหารและนิติตุลาการ

 

"ฟันธงเลยว่า รถไฟฟ้าสายสีส้มอีก 2 ปีไม่มีทางเสร็จ เพราะเวลาจะซื้อรถไฟฟ้า ใช้เวลา 3 ปี รถไฟฟ้าถึงจะมาถึง ต้องใช้เวลามากกว่า 3 ปีปี 2570 หรือดีไม่ดีอาจจะยังไม่ได้เปิดใช้บริการ"