สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา รายงานโดยอ้างอิงสื่อของเมียนมาว่า สำนักงานคณะกรรมการด้านลงทุนและการดำเนินธุรกิจ (DICA) ได้เปิดเผยว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปี งบประมาณ 2565 -2566 (เม.ย.-ต.ค. 2565) บริษัทจากสิงคโปร์ยังเป็นผู้ลงทุนอันดับ 1 ในเมียนมา มีจำนวน 14 ราย โดยลงทุนในเมียนมากว่า 1.154 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(หรือราว 40,390 ล้านบาท คำนวณที่ 35 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนใหญ่เป็นโครงการลงทุนในการพัฒนาเมือง อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน และภาคการผลิต
อันดับสองคือ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง เงินลงทุนกว่า 163 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุน 11 ราย และจีนอยู่อันดับ 3 ในกลุ่มการลงทุน ด้วยมูลค่ามากกว่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจาก 22 ธุรกิจ
ขณะที่ภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเมียนมา ช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 -2566 มีมูลค่า 1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 50,750 ล้านบาท) จากบริษัท 52 แห่ง การลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในภาคการผลิต ส่วนภาคการเกษตรสามารถดึงดูดเงินลงทุนจำนวน 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจาก 2 โครงการ
ส่วนภาคพลังงานมีการลงทุนกว่า 817 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจาก 10 โครงการ นอกจากนี้ยังมีการลงทุน 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในภาคอสังหาริมทรัพย์จาก 1 โครงการ และมีการลงทุน 413.068 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในภาคบริการ และการลงทุนในภาคการทำเหมือง 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ยังมีการลงทุนน้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว และยังมีการขยายทุนบางส่วนของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้ว เช่นเดียวกับภาคปศุสัตว์ และการประมงที่มีการขยายทุนเพิ่มขึ้น 1.545 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำนักงานคณะกรรมการด้านลงทุนและการดำเนินธุรกิจ (DICA) เผยอีกว่า เมียนมาสามารถดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้มากกว่า 647.127 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัท 49 แห่งในช่วงงบประมาณที่ผ่านมา (ต.ค. 2564 – มี.ค. 2565) โดยช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่สุดในเมียนมา โดยมีมูลค่าการลงทุนของประเทศสิงคโปร์ในแต่ละปีมีดังนี้ (ตารางประกอบ)
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 2 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวา รองจากญี่ปุ่น ที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด