กทม.ติดอันดับ 3 ในเอเชีย ชาวอเมริกันอยากมาเที่ยว

02 ม.ค. 2566 | 03:09 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ม.ค. 2566 | 10:21 น.

กทม.ติดอันดับ 3 ในเอเชีย ชาวอเมริกันอยากมาท่องเที่ยว อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ บิ๊กตู่ ปลื้ม

 

 

 

 

 

การเปิดประเทศ ให้ไปมาหาสู่กันทั่วโลกหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย  ล่าสุด จีน ได้รับการผ่อนคลายให้เดินทาง ออกนอกประเทศ เริ่มวันที่ 8 มกราคม ปี2566  เป็นต้นไป  อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงได้รับความสนใจ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

 

 

“Hopper” เว็บไซต์และแอปพลิเคชันเพื่อวางแผนการท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวอเมริกันสะท้อนผลการค้นหาเที่ยวบินปี 2566 ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม 2565 ชาวอเมริกันมีความต้องการเดินทางมาเยือนกรุงเทพมหานคร มากเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย

 

 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความยินดี  กรณีเว็บไซต์ Hopper คาดการณ์นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน มีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างคึกคัก ในปี 2566

 

โดยเฉพาะประเทศในทวีปเอเชีย ชาวอเมริกันมีการค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศสูงถึง 27% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีเพียง 19% โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.)เมืองหลวงของไทย ติดอันดับ 3 ปลายทางของการค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดในเอเชีย รองจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม

สำหรับการท่องเที่ยวในปี 2566 หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้บูรณาการการดำเนินงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และดำเนินความร่วมมือกับนานาประเทศ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ (KTO)

 

ได้ประกาศความร่วมมือระดับทวิภาคีกำหนดให้ในปี 2566-2567 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวระหว่างเกาหลีใต้-ไทย เพื่อฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ

 

คาดการณ์ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน และหวังว่าการร่วมมือกันตลอด 2 ปีข้างหน้าจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

 

 

นอกจากนี้ ในปี 2566 รัฐบาลยังตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กลับมา 80% ของช่วงก่อนโควิด-19 และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับคืนมา 50% สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน ซึ่งยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจีน และคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ 180 ล้านคน-ครั้ง

นายกรัฐมนตรียินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่หลายเมืองของไทยติดอันดับจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความนิยม และสนใจมาท่องเที่ยว พร้อมทั้งขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำงานตามแนวนโยบายที่ทางรัฐบาลได้วางไว้ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยคึกคัก ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

 

พร้อมกันนี้ ยังขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแต่เป็นไปตามมาตรการสำคัญ รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น พร้อมขอให้ชาวไทยเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีมิตรไมตรี เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว