นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวในช่วง 11 เดือนของปี2565 (มกราคม-พฤศจิกายน 2565)มีปริมาณ 6,907,761 ตัน มูลค่า 123,511.3 ล้านบาท (3,552.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยปริมาณเพิ่มขึ้น 26.8% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 29.2% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 5,445,810 ตัน มูลค่า 95,591.7 ล้านบาท (3,027.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
โดการส่งออกข้าวในเดือนพฤศจิกายน 2565 มีปริมาณ 706,270 ตัน มูลค่า 14,333.3 ล้านบาท โดยปริมาณลดลง 11.1%แต่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2565 ที่ส่งออกปริมาณ 794,224 ตัน มูลค่า 13,974.1 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนพฤศจิกายน
ส่วนการส่งออกข้าวนึ่งและข้าวขาวมีปริมาณลดลงจากเดือนก่อนที่มีการเร่งส่งมอบข้าวเพื่อให้ทันใช้ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ อย่างไรก็ตามในส่วนของการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณเพิ่มขึ้นมากจากเดือนก่อน โดยมีปริมาณ 136,435 ตัน เพิ่มขึ้น 102.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ทั้งนี้ตลาดส่งออกข้าวไทยที่สำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง แคนาดา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย เป็นต้น ในขณะที่การส่งออกข้าวขาวมีปริมาณ 347,473 ตัน ลดลง 17.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศอิรัก จีน ญี่ปุ่น แองโกล่า โมซัมบิก ฟิลิปปินส์ แคเมอรูน เป็นต้น ส่วนข้าวนึ่งมีการส่งออกปริมาณ 118,321 ตัน ลดลง 43.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังตลาดหลักในแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ เยเมน บังคลาเทศ แคเมอรูน เบนิน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามสมาคมฯคาดว่าในเดือนธันวาคม 2565 การส่งออกข้าวจะอยู่ที่ระดับประมาณ 750,000-800,000 เนื่องจากผู้ส่งออกต่างเร่งส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ค้างอยู่จากเดือนก่อนซึ่งมีปริมาณค่อนข้างมาก ประกอบกับตลาดที่สำคัญยังคงนำเข้าอย่างต่อเนื่องเพื่อชดเชยสต็อกข้าวที่ลดลงและนำไปใช้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ รวมทั้งเทศกาลตรุษจีนในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การส่งออกข้าวในปี 2565 มีปริมาณเกินกว่าเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตัน
“11เดือนไทยส่งออกได้6.91ล้านตันเพิ่มขึ้น26.9% ยังคงเป็นเบอร์2ของโลก แซงหน้าเวียดนามที่ส่งออกได้6.67ล้านตัน ในขณะที่อินเดียยังคงครองเบอร์1 ผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกที่18.25ล้านตัน ส่วนปากีสถานส่งออกได้3.74ล้านตัน และสหรัฐส่งออก1.99ล้านตัน ติดลบ24.3% ซึ่งข้าวขาวไทยส่งออกมากถึง60%ของการส่งออกข่าวทั้งหมด”
โดยมีตลาดสำคัญได้แก่ อิรักซึ่งนำเข้าข้าวไทยมากถึง1.45ล้านตันหรือ472% แอฟริกาใต้ 6.81แสนตัน จีน 6.54แสนตัน สหรัฐฯ5.9แสนตันและ เบนิน3.1แสนตัน นอกจกนี้ยังมีตลาด ญี่ปุ่น เซเนกัล แองโกล่า เยเมน ฟิลิปปินส์ โมซัมบิก แคเมอรูน ฮ่องกง เป็นต้น ในขณะที่ภาวะราคาข้าวของไทยในช่วงนี้ยังอยู่ในระดับที่ไม่ห่างจากคู่แข่งมากนัก จึงทำให้ยังสามารถแข่งขันได้ แม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นตามภาวะตลาดก็ตาม
โดยราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 อยู่ที่ 477 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนามอยู่ที่ 458-462 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน อินเดียอยู่ที่ 388-392 ดอลลาร์สหรัฐ และปากีสถาน อยู่ที่ 448-452 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ส่วนราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 493 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ข้าวนึ่งของอินเดียอยู่ที่373-377ดอลลาร์สหรัฐและปากีสถานอยู่ที่ 453-457ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน