สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 4.09 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 72.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ดิ่งลง 4.26 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 77.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
บ็อบ ยอว์เกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทมิซูโฮในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ราคาน้ำมันร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในจีน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย
องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงประเมินการติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นล่าสุดในจีน พร้อมกับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนเปิดเผยข้อมูลเฉพาะแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในประเทศเป็นประจำ ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลลำดับพันธุกรรมเพิ่มเติม ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล การเสียชีวิต และการฉีดวัคซีน
หลายประเทศซึ่งรวมถึงสหรัฐ, สหราชอาณาจักร, อินเดีย, อิตาลี และญี่ปุ่น ต่างพากันออกข้อกำหนดว่าผู้โดยสารจากจีนจะต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี PCR หลังจากจีนประกาศเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาดเป็นวงกว้างเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในจีนยังคงย่ำแย่
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากข่าวจีนประกาศเพิ่มโควตาส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันในปีนี้ ซึ่งตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้อุปสงค์ที่อ่อนแอภายในประเทศ และยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่าภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.4 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.5 จากระดับ 49.0 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 2 เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในตลาด
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว