ดาวโจนส์ปิดบวก 133.40 จุด รับเฟดส่งสัญญาณผ่อนคันเร่งขึ้นดอกเบี้ย

04 ม.ค. 2566 | 23:39 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ม.ค. 2566 | 06:40 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกในวันพุธ (4 ม.ค.) หลังเฟด เปิดเผยรายงานการประชุมระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าควรจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดความเสี่ยงต่อศก.

         

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,269.77 จุด เพิ่มขึ้น 133.40 จุด หรือ +0.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,852.97 จุด เพิ่มขึ้น 28.83 จุด หรือ + 0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,458.76 จุด เพิ่มขึ้น 71.78 จุด หรือ + 0.69%
           

คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. 2565 โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ และคาดว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าข้อมูลที่เฟดได้รับมานั้น เป็นหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอว่าเงินเฟ้อกำลังกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
         

อย่างไรก็ดี กรรมการทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าเฟดควรจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเมื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่จะดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
 

         

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 2.28% และดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 1.74%
         

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อ่อนแรงลงในช่วงสั้น ๆ หลังเฟดเปิดเผยรายงานประชุม ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นมาปิดบวก 0.26% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 1.9%
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.4 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.5 จากระดับ 49.0 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 2 เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในตลาด
         

ทางด้านสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 54,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.458 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.0 ล้านตำแหน่ง

 

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค.