นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ถึงกรณีที่ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (5 ม.ค.) ที่ระดับ 33.94 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.06 บาทต่อดอลลาร์ว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาในช่วงนี้จะส่งผลต่อความสามารถในการเสนอราคาขายสินค้าประเภทเดียวกันกับประเทศคู่ค้าของไทยแต่ถือว่ายังไม่กระทบมากเพราะค่าเงินของประเทศคู่ค้าของไทยยังคงสามารถแข็งขันได้
ส่วนผู้ผลิตผู้ส่งออกต้องกลับมาทบทวนเรื่องประกันความเสี่ยงค่าเงินอีกครั้งซึ่งในส่วนของบริษัทใหญ่ๆมีการทำประกันความเสี่ยงอยู่แล้วแต่ที่กังวล คือ เอสเอ็มอีที่ยังไม่มีการทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน เพราะมีเรื่องของต้นทุน วงเงินที่ต้องใช้ประกันความเสี่ยง
ส่วนสินค้าที่กระทบจะเป็นกลุ่มสินคงทน เช่น อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ รถยนต์ ส่วนกลุ่มอาหารเริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลงทั้งปริมาณและการส่งออกมาก2-3เดือนซึ่งอาจจะอยู่ในระดับเดิมของช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“บาทแข็งในช่วงนี้ถือว่ายังกระทบกับส่งออกไม่มากในช่วงนี้ เพราะค่าเงินบาทของไทยกับประเทศคู่ค้าคู่แข่ง ดังนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตอนนี้ยังน้อยแต่กังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเห็นได้ชัดมากกว่า ส่วนการส่งออกในช่วง3เดือนแรกยังได้รับแรงหนุนจากปี2565ระดับหนึ่งซึ่งตัวเลขยังไม่ได้ตกฮวบฮาบ แต่จะเห็นผลชัดในไตรมาส2 ที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มชัดขึ้นและคำสั่งซื้อที่จะมีเข้ามา”