สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 75.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 80.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้น (Short-Term Energy Outlook) โดยระบุว่า ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 102.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ซึ่งรายงานดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มที่สดใสของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
นักลงทุนจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหนือระดับ 5% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ที่เห็นว่า เฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยแตะระดับสูงสุดที่ 5.0-5.25% และคงดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไประยะหนึ่ง เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางสวีเดนที่กรุงสตอกโฮล์มเมื่อวานนี้ โดยกล่าวเพียงว่าธนาคารกลางจะต้องมีความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง ในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางกำลังเร่งควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ รวมทั้งจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐในวันนี้