การประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ มีวาระสำคัญเกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือค่าครองชีพในส่วนของค่าไฟฟ้าของประชาชนที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย โดยกระทรวงมหาดไทย จะเสนอที่ประชุมเพื่อของบกลาง รายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงินประมาณ 3,190 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดูแลรอบนี้
สำหรับการเสนอเข้ามาให้ครม. พิจารณาครั้งนี้ จะครอบคลุมค่าไฟฟ้าในเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแนวทาง ตรึงค่าไฟฟ้า เดือนมกราคม – เมษายน 2566 เฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ไว้เท่าเดิม 3.78 บาทต่อหน่วย
อนุมัติงบไว้รอก่อนยุบสภา
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า งบประมาณในส่วนนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการอนุมัติงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือดูแลประชาชนในช่วงที่รัฐบาลยุบสภา ซึ่งสามารถช่วยเหลือประชาชนในส่วนของค่าไฟฟ้าได้จนถึงเดือนเมษายน 2566 นี้ เพราะหลังจากที่มีการยุบสภา แล้วรัฐบาลรักษาการยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอีกหลายเดือน
ทั้งนี้ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องของบกลาง เพื่อดูแลประชาชนเพิ่มเติมจากวงเงินที่เคยอนุมัติไว้ รัฐบาลสามารถยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. เพื่อขอให้อนุมัติเป็นกรณี ก่อนที่จะนำเรื่องเสนอที่ประชุม ครม. ซึ่งปัจจุบันนี้งบกลางที่เหลืออยู่นั้นเหลืออยู่ไม่มาก โดย ณ ปัจจุบันเหลือวงเงินอยู่ใกล้เคียงกับปี 2565
ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ มั่นใจว่า งบกลางที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ จะเพียงพอในการที่รัฐบาลจะใช้ดูแลประชาชนหากเกิดกรณีภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัย และภัยแล้งได้เพราะได้มีการเตรียมงบประมาณในกรอบของงบกลางรองรับในส่วนนี้ไว้แล้ว
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีเงินพอ 6.5 หมื่นล้าน
กรณีของวงเงินที่มีการอนุมัติให้กับกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2566 โดยกระทรวงการคลัง ประเมินว่า ต้องใช้วงเงินประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาทเพื่อมาดูแลนั้น ยืนยันว่ามีวงเงินเพียงพอที่จะดูแลผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.59 ล้านคนในปี 2566 นี้
หลังจากที่ประชุมครม. เมื่อสัปดาห์ก่อน อนุมัติงบกลางเพิ่มเติมให้ 9,140 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินจากกองทุนประชารัฐที่มีวงเงินคงเหลืออยู่ประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท โดยมาจาเงินในปีงบประมาณ 2566 ที่ได้รับจัดสรรวงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท และวงเงินคงเหลือจากปี 2565 วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท จะทำให้มีวงเงินเพียงพอต่อการดูแลผู้มีรายได้น้อย
เช็คนโยบายหาเสียงพรรคการเมือง
ขณะที่นโยบายหาเสียงของบรรดาพรรคการเมืองที่ประกาศเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตั้งแต่ 700 – 1,000 บาทจะสร้างภาระต่องบประมาณมากหรือไม่ ยอมรับว่า หลังจากได้รัฐบาลใหม่แล้ว ต้องมาดูว่าจะมีการนำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้มาทำเป็นมาตรการจริงหรือไม่ หากทำจริงต้องหารือกับหลายหน่วยงาน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณที่มีอยู่ว่าเพียงพอหรือไม่