นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน(High Level Task Force on ASEAN Economic Integration: HLTF-EI) ครั้งที่ 43 ระหว่างวันที่ 1-3 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ เมืองเบลีตุง ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อขับเคลื่อนประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียน โดยเฉพาะการจัดทำวิสัยทัศน์ของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหลังปี 2568 (AEC Post-2025 Vision) รวมทั้งวางแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และหาแนวทางเสริมความแข็งแกร่งด้านการค้าการลงทุนภายในอาเซียน
พร้อมได้จัดทำข้อเสนอแนะเรื่องดังกล่าว เตรียมเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 20–22 มีนาคมนี้
โดยที่ประชุมมีความเห็นในการจัดทำวิสัยทัศน์ AEC หลังปี 2568 ว่า ควรมีประเด็นเกี่ยวกับการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอาเซียนในอนาคตด้วยปัจจัยใหม่ๆ อาทิ การมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลก เศรษฐกิจสร้างสรรค์ นวัตกรรมช่วยเพิ่มการผลิต
การเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสและความท้าทาย การมีส่วนร่วมกับประเทศนอกภูมิภาค และมีกลไกติดตามการทำงานที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มจัดทำโครงร่างและองค์ประกอบแผนงานของวิสัยทัศน์ดังกล่าวแล้ว โดยจะต้องหารือกับภาคส่วนต่างๆ อย่างครอบคลุมมากขึ้น
เพื่อให้ได้ความเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และมุมมองต่อพลวัตด้านเศรษฐกิจในอนาคตให้มากที่สุด เนื่องจากจะเป็นแผนงานที่ครอบคลุมระยะเวลาถึง 20 ปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือแนวนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเสาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่จะผลักดันให้สำเร็จในวาระการเป็นประธานอาเซียนของอินโดนีเซียในปีนี้ ทั้งการจัดทำกรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจภาคทะเล (Blue Economy) การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อความมั่นคงทางพลังงานและเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนพลังงานจากฟอสซิล และการส่งเสริมศักยภาพด้านยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะการมีระบบนิเวศรองรับ
โดยเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าว จะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกับประเด็นภาคการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งจะสนับสนุนการดำเนินการเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน ยุทธศาสตร์เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ของภูมิภาค และเป็นกลไกใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาเซียนในอนาคต
ทั้งนี้ ในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 124,890.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+12.7%) เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 71,891.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+10.6%) และไทยนำเข้าอาเซียน มูลค่า 52,999.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+15.9%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และแผงวงจรไฟฟ้า และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ