“พาณิชย์”ชวนญี่ปุ่นลงทุนEEC ใช้ประโยชน์FTA

15 มี.ค. 2566 | 02:33 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มี.ค. 2566 | 02:39 น.

“พาณิชย์” ชวน เอกชนยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น ลงทุนไทย ใช้สิทธิพิเศษ FTA และ EEC ให้ไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบ อาหาร-พลังงาน พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน RCEPให้ได้รับประโยชน์การค้าการลงทุนสูงสุด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือยุทธศาสตร์การค้า และนโยบายขยายการลงทุนของไทย กับนายซูซูกิ โยชิฮิสะ (SUZUKI Yoshihisa) และดร.ซูซูกิ จุน (SUZUKI Jun) ประธานคณะกรรมการการค้าและเศรษฐกิจญี่ปุ่น–ไทย (Japan–Thailand Trade and Economic Committee) ภายใต้สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (เคดันเรน) ว่า เคดันเรน ได้นำคณะหารือในความร่วมมือเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-ญี่ปุ่น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ซึ่งญี่ปุ่นมีความสำคัญอย่างยิ่งทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนกับไทย เพราะญี่ปุ่นมาลงทุนในอาเซียน 14,846 บริษัท ซึ่งมาลงทุนในไทยถึง 6,000 บริษัท ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับไทยมาก และไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับนักลงทุนญี่ปุ่น ญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 3 ของไทย รองจากจีนกับสหรัฐฯ ปี 2565 มีมูลค่าการค้าร่วมกันถึง 2 ล้านล้านบาท และไทยส่งออกไปญี่ปุ่นปีที่แล้ว 8.55 แสนล้านบาท ญี่ปุ่นถือเป็นตลาดใหญ่ตลาดหนึ่งของไทย

“พาณิชย์”ชวนญี่ปุ่นลงทุนEEC ใช้ประโยชน์FTA

ประเด็นที่หารือวันนี้คือความร่วมมือทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคีทั้งภาครัฐและเอกชนของ 2 ฝ่าย สำหรับระดับทวิภาคี มีกรอบ JTEPA (ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ที่ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายจะใช้ประโยชน์ในการลดภาษี เปิดตลาดการค้าบริการและการลงทุนระหว่างกัน ในระดับพหุภาคี ไทยกับญี่ปุ่น เป็นสมาชิก RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค)

“พาณิชย์”ชวนญี่ปุ่นลงทุนEEC ใช้ประโยชน์FTA

ซึ่งปัจจุบันเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และไทย-ญี่ปุ่นกำลังเดินหน้าขับเคลื่อน RCEP ด้วยกันให้ได้รับประโยชน์ทางการค้าการลงทุนสูงสุด และมีกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ซึ่งไทยกับญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนสำคัญ และยังมีเอเปคที่เป็นสมาชิกร่วมกัน เรามีความร่วมมือที่ใกล้ชิดทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี และเชิญญี่ปุ่นมาลงทุนในไทย

“ไทยมีทั้ง EEC และเขตเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ญี่ปุ่นสามารถเลือกลงทุนในไทยได้โดยสิทธิพิเศษ BOI (Board of Investment หรือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) จะเป็นกลไกหลักให้ความดูแลสนับสนุน และญี่ปุ่นมองว่าไทยมีศักยภาพในการเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญทางการผลิตและเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตให้กับญี่ปุ่นต่อไปในอนาคตนอกจากจีน ทั้งเรื่องอาหาร อุตสาหกรรมและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งญี่ปุ่นนำเข้าไก่จากเราอันดับ 1 ปีละกว่าสามแสนตัน รวมทั้งวัตถุดิบชีวภาพเอาไปทำพลังงานในญี่ปุ่น เป็นต้น จากนี้ทางญี่ปุ่นจะมาประชุมกับ กกร.ของไทย (คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน) จะเป็นประโยชน์ในความส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเอกชนไทยกับญี่ปุ่นนอกจากภาครัฐที่มาพบตนวันนี้”