นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเข้ากระทรวงอุตสาหกรรม เป็นวันแรกในฐานะ รักษาการรมว.อุตสาหกรรมว่า ได้ให้นโยบายสานต่อนโยบายเดิมที่กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการอยู่แล้วใน 9 มาตรการหลัก ประกอบด้วย
- การปรับปรุงกฎหมายของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)
- มาตรการแก้ปัญหาอ้อยที่ถูกลักลอบเผา
- การจัดการกากอุตสาหกรรมให้เกิดประสิทธิสูงสุด ไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และประชาชนในพื้นที่
- การผลักดันมาตรฐานการปล่อยมลพิษตามมาตรฐานยูโร 6 ให้เร็วขึ้น เพื่อยกระดับการส่งออกและการผลิตตามมาตรฐานที่ประเทศคู่ค้ากำหนด ซึ่งประเทศชั้นนำส่วนใหญ่ในตลาดโลกได้ปรับตัวใช้มาตรฐานยูโร 6 แล้ว
- เดินหน้าส่งเสริมมาตรการยานยนต์ไฟฟ้าหรือ อีวี (EV) ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย ต้องหาแต้มต่อ ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางรถอีวีต่อไป
- เดินหน้าสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เพื่อให้ไทยเป็นผู้นำและเป็นศูนย์กลางการทดสอบ และรับรองในภูมิภาคอาเซียน
- มาตรการทางการเงินให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วิเคราะห์เจาะลึกถึงปัญหาของผู้ประกอบการ เพื่อแก้ปัญหาให้ถูกจุด เนื่องจากยังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อีกหลายรายที่ยังประสบปัญหาอยู่เป็นจำนวนมาก
- การบูรณาการกองทุนหมู่บ้าน และเกษตรอุตสาหกรรมระดับจังหวัดต้นแบบ โดยจะนำนโยบายเงินบาทแรกของแผ่นดิน ช่วยเกษตรหลุดพ้นความยากจน
- เดินหน้านโยบายแบบฟอร์มดิจิทัลเดียว หรือไอซิงเกอร์ ฟอร์ม และสุดท้ายการชี้เป้ายุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์ของกระทรวงอุตฯ และบูรณาการเครือข่ายการประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้ เรื่องหลักที่ได้กำชับให้ไปค้นหาว่า การเพิ่มกำลังซื้อ มีวิธีการทำได้อย่างไรบ้าง เพราะถ้าประเทศมีกำลังซื้อแล้ว เศรษฐกิจ จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะตอนนี้ปัญหาใหญ่ อยู่ที่กำลังซื้อ เช่น ประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
ต้องไปค้นว่า เพิ่มกำลังซื้อกลุ่มนี้ได้อย่างไร เช่น สร้างมูลค่าเพิ่ม หาตลาด พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มผลผลิต พัฒนาเกษตรกร หรือปศุสัตว์ พัฒนาการเลี้ยงสัตว์อย่างไร หาตลาด หากระบวนการเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งให้ไปเจาะลึกถึงปัญหาของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
และกลุ่มสตาร์ทอัพว่า เกิดจากอะไร กำลังซื้อ หรือการเพิ่มตลาด ต้องทำอย่างไร ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือSME D Bank ต้องเข้าไปช่วยดู