ปัจจุบันภัยออนไลน์ การถูกหลอกลวงให้โอนเงิน หรือเจอการส่งข้อความ SMS หรือ อีเมล์ แบบแนบลิงก์ของธนาคารต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นอยู่ทุกวัน แม้ว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ หน่วยงานทั้งภาครัฐ สถาบันการเงิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามปราบปรามและหาทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ใครตกเป็นเยื่อมิจฉาชีพ
ล่าสุด ธนาคารพาณิชย์บางส่วนได้ออกมาตรการยกเลิกการส่ง SMS และอีเมลแบบแนบลิงก์แล้ว เพื่อป้องกันปัญหาประชาชนตกเป็นเยื่อมิจฉาชีพ โดยเริ่มต้นแล้ว 10 ธนาคาร (ข้อมูล ณ 24 มีนาคม 2566) แบ่งเป็น
ยกเลิกการส่ง SMS แบบแนบลิงก์
ยกเลิกการส่งอีเมลแบบแนบลิงก์
ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับ SMS หรืออีเมลที่แนบลิงก์ส่งมาให้ โดยอ้างว่ามาจากธนาคารดังกล่าว ขออย่าให้คลิกลิงก์ดังกล่าวเด็ดขาด เพราะเป็นการส่งจากมิจฉาชีพอย่างแน่นอน
มาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน
ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกแนวนโยบายเป็นชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน เพื่อช่วยให้สถาบันการเงิน ป้องกันความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือ มาตรการป้องกัน เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น โดยให้สถาบันการเงิน งดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล และงดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ
ทั้งนี้ยกตัวอย่างเช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน Mobile Banking (Username) ของแต่ละสถาบันการเงิน ให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น
โดยสถาบันการเงิน ต้องจัดให้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ Mobile Banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง และพัฒนาระบบความปลอดภัยบน Mobile Banking ให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่อยู่ตลอดเวลา
รวมทั้งต้องยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า (Biometrics) เช่น สแกนใบหน้า
ส่วนกรณีลูกค้าขอเปิดบัญชีโดยผ่านแอปพลิเคชันของ สง. (non-face-to-face) หรือทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น โอนเงินมากกว่า 50,000 บาท หรือปรับเพิ่มวงเงินทำธุรกรรมต่อวันเป็นตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป
พร้อมกำหนดเพดานวงเงินถอนหรือโอนสูงสุดต่อวันให้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของกลุ่มผู้ใช้บริการแต่ละประเภท โดยลูกค้าสามารถขอปรับได้ตามความจำเป็น และต้องยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวดต่อไปด้วย