"ส่งออกไทย" 3 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-มี.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 70,280.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลด 4.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 2,373,189 ล้านบาท นำเข้ามูลค่า 73,324.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลด 0.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 2,508,390 ล้านบาท ขาดดุลการค้า มูลค่า 3,044.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 135,201 ล้านบาท
ล่าสุดสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้วิเคราะห์แนวโน้มการส่งออกปี 2566 รายสินค้า ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อสะท้อนให้เห็นทิศทางภาวะอุตสาหกรรมและความต้องการผู้บริโภค รวมทั้งทิศทางภาวะตลาดของประเทศคู่สำคัญ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
กลุ่มสินค้าส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวในปี 2566 ได้แก่
อย่างไรก็ตามการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร พบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว4.2 % (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยเป็นการขยายตัวทั้งหมวดสินค้าเกษตร ขยายตัว1.2% และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 7.1% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำตาลทราย ขยายตัว 73.9 %ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และลิเบีย
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมพบว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ติดลบ 5.9% (YoY) ต่อเนื่อง 6 เดือน แม้ว่าการส่งออกภาพรวมของหมวดหดตัว แต่ยังมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัว1.4% ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน ในตลาดญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่ติดลบ อาทิ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ติดลบ 14.2 % ต่อเนื่อง 8 เดือนในตลาดจีน เวียดนาม กัมพูชา อินเดีย และญี่ปุ่น แต่ขยายตัวในตลาดลาว สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ และอียิปต์
ส่วนตลาดส่งออกสำคัญการส่งออกไปยังตลาดสำคัญส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น โดยหดตัวน้อยลงในหลายตลาด อาทิ จีน อาเซียน (5) และ CLMV และบางตลาดสำคัญเริ่มกลับมาขยายตัว อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และรัสเซียและกลุ่ม CIS สะท้อนว่าอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าที่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น แม้ว่าจะยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ติดลบ 0.8 % ในตลาดจีน 3.9 % CLMV 3.5 % อาเซียน (5) 2.1% และสหภาพยุโรป (27) 7.3%
ขณะที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นขยายตัว 1.7% และ 10.2% ตามลำดับ (ตลาดรอง ติดลบ 3.4% โดยหดตัวในตลาดเอเชียใต้ 6.9% ทวีปออสเตรเลีย 23.3% แต่ขยายตัวในตลาดรัสเซียและกลุ่ม CIS 228% ตะวันออกกลาง3%แอฟริกา 2.1% ลาตินอเมริกา 5.9% และสหราชอาณาจักร 5.8% ตลาดอื่น ๆ ติดลบ 39.5 %อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ติดลบ 43.5%