นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ฤดูร้อนปี 66 ส่งผลให้อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศได้รับอานิสงส์ขยายตัวโดดเด่น จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ปรับสูงขึ้นในช่วง 2–3 เดือนที่ผ่านมา
โดยในเดือนมีนาคม 66 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ อยู่ที่ระดับ 144.39 ขยายตัวที่ 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการผลิตเครื่องปรับอากาศสูงสุดในรอบ 8 ปี ส่งผลให้ประเทศไทยขยับขึ้นเป็นผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศจีน โดยคาดการณ์คำสั่งซื้อในระยะข้างหน้ายังคงได้รับอานิสงส์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยสนับสนุนการผลิต ได้แก่ สภาพอากาศร้อน โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนในปัจจุบันทำให้อุณหภูมิทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงประเทศไทยโดยเฉพาะเดือนเมษายนของทุกปีที่คาดการณ์อุณหภูมิจะปรับขึ้นสูงสุด ซึ่งในปีนี้อุณหภูมิในบางพื้นที่สูงกว่า 50 องศาเซลเซียส เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ที่มีความสามารถในการดักจับฝุ่น PM 2.5 กรองละอองสารพิษ
แก้ไขปัญหาฝุ่นควันทั้งในกรุงเทพมหานครและเขตภาคเหนือ ควบคู่กับการประหยัดพลังงาน รวมทั้งการนำ AI เข้ามาใช้การควบคุมอุณหภูมิห้องหรือรับคำสั่งผ่านระบบอัจฉริยะ ตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การระมัดระวังในการใช้จ่ายและเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณสมบัติช่วยประหยัดไฟ ราคาย่อมเยา ผลิตในประเทศ
และตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เช่น โครงการ คอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว โดยมีอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปี 2566 จำนวน 8,336 หน่วย ขยายตัว 95.7% จากเดือนก่อน
ขณะเดียวกัน การส่งออกเครื่องปรับอากาศเดือนมีนาคม 2566 มีมูลค่าสูงถึง 849.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 16.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออก 3 เดือนแรก ปี 2566 มีมูลค่า 2,272.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 12.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยตลาดส่งออกหลักของเครื่องปรับอากาศไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียน ตะวันออกกลาง และอินเดีย คิดเป็นสัดส่วนรวม 80% ของมูลค่าการส่งออกเครื่องปรับอากาศทั้งหมดของไทย ซึ่งสัดส่วนการผลิตเครื่องปรับอากาศของไทย แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออกประมาณ 75% และผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศประมาณ 25%
นางวรวรรณ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศมีทิศทางและแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น จึงทำให้ความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ ทั้งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ที่สามารถช่วยแก้ปัญหา PM 2.5
รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ที่มีการก่อสร้างใหม่ที่ทำให้ความต้องการซื้อเพื่อนำไปใช้ส่งเสริมการขาย สะท้อนให้เห็นว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศยังเดินหน้าต่อไปได้ดี ขณะที่การส่งออกไปต่างประเทศมองว่าไทยยังคงยืนหนึ่ง และมีความสามารถในการแข่งขันสูง