“สร้างไปจ่ายไป”  ไฮสปีด เสี่ยงซ้ำรอย โฮปเวลล์

11 พ.ค. 2566 | 11:28 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2566 | 11:35 น.

“สร้างไปจ่ายไป”  ไฮสปีด เสี่ยงซ้ำรอย โฮปเวลล์ ด้านรฟท. ยัน ยึดสัญญาเดิม"เดินรถไฟจ่ายไป" ปิดความเสี่ยงความเสียหาย ไม่ได้"ของ" ผ่าทางตันโยนรัฐบาลใหม่หาทางออก

 

ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน โครงสร้างร่วม โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)กับโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน (ไฮสปีดเทรน) ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ  กลายเป็นชนวน ติดหล่ม ปมข้อเสนอ  “สร้างไปจ่ายไป” ของ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เครือซีพี  คู่สัญญาการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)  แทนสัญญาเดิม รัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนต่อเมื่อไฮสปีด3สนามบิน สร้างเสร็จ และเปิดให้บริการเดินรถแล้วเท่านั้น  เพื่อแลก กับรฟท.ให้เอกชน รวบการก่อสร้างพื้นที่ทั้งหมดไว้ 

 

ประเด็นนี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.)ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน สั่งการให้กลับไปหาแนวทางใหม่ โดยตั้งข้อสังเกตว่า “สร้างไปจ่ายไป” อาจมีปัญหา เสี่ยง ทิ้งงาน  ซ้ำรอย โครงการโฮปเวลล์ในอดีต ดังนั้นต้องรอบคอบ พร้อมทั้งให้ ทั้งสามฝ่าย ประกอบด้วย รฟท.,สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( สกพอ.)และเอกชนไปหารือร่วมกัน  เพื่อหาทางออก ซึ่งคนในรฟท. มองว่า การ”สร้างไปจ่ายไป” สามารถทำได้แต่ เอกชนต้อง มีแนวทางชัดเจน ไม่ให้เกิดการซ้ำรอยโครงการดังกล่าว ที่รัฐไม่สามารถสร้างต่อได้ เพราะเป็นวงเงินมหาศาล 

 

ขณะที่ผ่านมารฟท.และสกพอ.ได้มีการเจรจาร่วมกับเอกชน ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับสัญญาฯ แล้ว โดยแนวทางที่เหมาะสมในการแก้สัญญาฯในครั้งนี้ คือ การ “เดินรถไปจ่ายไป” เนื่องจากแนวทางนี้ถือเป็นการปิดความ เสี่ยงในการที่ภาครัฐชำระเงินแล้ว แต่ไม่ได้”ของ “ทั้งการวางหลักประกันเพิ่มเติม,การตรวจรับงาน ฯลฯ เพื่อให้โครงการฯสามารถเดินหน้าต่อไปได้

ส่วนทางเอกชนมองว่าหากยึดเงื่อนไขสัญญาเดิม ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเอกชนต้องใช้เงินกู้เงินสูงจากธนาคาร จนกระทั่งรฟท.เปิดให้บริการเดินรถ หลังจากนั้นจึงจะนำเงินมาชำระคืนให้แก่ธนาคารที่ปล่อยกู้ให้เอกชน ทำให้ยอดหนี้ของเอกชนอยู่ที่ 160,000 ล้านบาท ถือว่าหนี้สูงมาก ส่งผลให้ธนาคารที่ปล่อยกู้มองว่ายอดหนี้ดังกล่าวถือเป็นความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินคืนสูง หากใช้เงื่อนไขสร้างไปจ่ายไป จะทำให้ยอดหนี้ที่เอกชนค้างชำระกับธนาคารลดลง อยู่ที่ 70,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามการหารือ มุ่งเน้นที่  โครงสร้างร่วมทับซ้อนระหว่างไฮสปีดไทย-จีนและไฮสปีด 3 สนามบิน ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง  ที่เอกชนต้องให้ความชัดเจน   เนื่องจากรฟท.มีความต้องการให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ  หากให้รฟท.เป็นผู้ดำเนินการเอง ต้องของบประมาณจากภาครัฐเพื่อดำเนินการออกแบบความเหมาะสมของโครงการฯและเริ่มดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาราว 2 ปี

หากให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างช่วงดังกล่าวเองจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที แต่ที่ผ่านมาเอกชนยื่นเงื่อนไขให้ภาครัฐว่า เอกชนขอปรับแผนการชำระค่าก่อสร้างโครงการฯ เป็น”สร้างไปจ่ายไป” โดยภาครัฐยืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้  และเอกชนต้องการรอหารือร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ กับประเด็นดังกล่าว  เพื่อประกอบการตัดสินใจ สะท้อนว่าการรับมอบพื้นที่และการลงมือก่อสร้างไฮสปีด3สนามบิน ต้องลากยาวออกไป

นี่คือปัญหาใหญ่ บนความเสี่ยง  ที่ต้องหาทางออกร่วมกัน  เพื่อไม่ให้เกิด “โฮปเวลล์”ภาค2 !!! 

ทางออกไฮสปีด