สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 74.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 12.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 600,000 บาร์เรล ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากคำกล่าวของเจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย ซึ่งระบุว่า เขาจะสร้างความเจ็บปวดให้กับนักเก็งกำไรที่ได้ขายชอร์ตในตลาดโดยคาดหวังว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลงต่อไป โดยคำเตือนดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ นักเก็งกำไรได้ขายชอร์ตในตลาด โดยคาดหวังว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลงต่อไป แต่หากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากการที่โอเปกพลัสทำการปรับลดกำลังการผลิต ก็จะทำให้นักเก็งกำไรเหล่านี้ต้องปิดการซื้อขายในตลาดในราคาที่ขาดทุน
เจมส์ ไฮเอร์ซิค นักวิเคราะห์จากบริษัท FX Empire กล่าวว่า คำเตือนของเจ้าชายบิน ซัลมาน ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าโอเปกพลัสอาจจะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 4 มิ.ย.