ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจเม.ย. “คลัง” ชี้เงินเฟ้อลดต่อเนื่อง

30 พ.ค. 2566 | 05:47 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ค. 2566 | 05:55 น.

คลังรายงานเศรษฐกิจไทยเดือนเม.ย.66 รับปัจจัยสนับสนุนจากท่องเที่ยว ผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี ส่วนอัตราเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนเมษายน ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง

 

โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนเมษายน 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.18 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 644.0 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 18.2

 

ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน อินเดีย รัสเซียและเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนเมษายน 2566 จำนวน 21.3 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 27.4 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 11.0

ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนเมษายน 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.4 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนเมษายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55.0 จากระดับ 53.8 ในเดือนก่อน

“เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และสูงสุดในรอบ 38 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น รวมถึงความกังวลจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง”

สำหรับรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนเมษายน 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 1.0 อย่างไรก็ดี ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ในเดือนเมษายน 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ -7.0 และ -1.4 ตามลำดับ

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนเมษายน 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -8.4  แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 0.1

สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนมีนาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 0.2 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -1.4 ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ -30.0

ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนเมษายน 2566 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 12.0 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 2.4 จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ อาทิ ยางพารา ข้าวโพด และหมวดปศุสัตว์ เป็นต้น

สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนเมษายน 2566 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 95.0 จากระดับ 97.8 ในเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการชะลอตัวของการผลิตจากวันหยุดต่อเนื่องในช่วงวันสงกรานต์ และอุปสงค์จากต่างประเทศที่ยังคงอ่อนแอ

ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี และแรงกดดันจากระดับราคาสินค้าลดลงต่อเนื่อง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 2.67 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.66 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ร้อยละ 61.2 ต่อ GDP ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง

ส่วนผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ ในเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 0.58 ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2566 อยู่ในระดับสูงที่ 223.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ