ดัชนีเงินเฟ้อไทย เดือนพ.ค.66 เพิ่ม 0.53% ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ต่ำสุดในรอบ 21 เดือน หลังราคาน้ำมัน ค่าไฟ สินค้าหมวดอาหารชะลอตัวลง และฐานปีก่อนสูง ส่วนเฉลี่ย 5 เดือน เพิ่ม 2.96% คาดแนวโน้ม มิ.ย. ยังทรงตัวในระดับนี้ จากนั้นบางเดือนอาจได้เห็นเงินเฟ้อใกล้เลข 0 ส่วนเป้าทั้งปี ที่ตั้งไว้เดิม 1.7-2.7% ค่ากลาง 2.2% ขอดูสถานการณ์เดือนมิ.ย.ก่อน คาดปรับลดอีกครั้ง
แม้ว่าเงินเฟ้อในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้นแบบชะลอตัวแต่ถ้าเทียบกับประเทศแถบอาเซียนด้วย ไทยกลับเป็นประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำที่สุด และประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงที่สุดคือ สปป.ลาว ส่งผลให้ค่าครองชีพ สินค้าต่างๆในลาวปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับของไทย
นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าข้อมูลล่าสุดเดือนเมษายน 2566เมื่อเทียบอัตราเงินเฟ้อของไทยกับต่างประเทศ ไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อระดับต่ำ และต่ำที่สุดในอาเซียน จาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข ทั้ง สปป.ลาว โดยลาวมีเงินเฟ้อที่ค่อนข้างสูงมากถึง39.89% ฟิลิปปินส์เงินเฟ้อ6.6% สิงคโปร์เงินเฟ้อ5.7% อินโดนีเซีย เงินเฟ้อ4.33% มาเลเซียเงินเฟ้อ3.3% และเวียดนามเงินเฟ้อ2.81%
ในขณะที่ไทยมีเงินเฟ้อ2.67% สาเหตุสำคัญมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่ากระแสไฟฟ้า และราคาสินค้าในหมวดอาหารที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับฐานราคาที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม 2565 อยู่ระดับสูง นอกจากนี้ มาตรการลดค่าครองชีพอื่น ๆ และการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งของกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้อัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม ชะลอตัวค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตามจากการดำเนินมาตรการลดค่าครองชีพ และการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณสินค้ามีเพียงพอ ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ส่งผลให้ราคาอาหารชะลอตัวต่อเนื่อง และส่วนใหญ่ต่ำกว่าเกณฑ์โครงสร้างราคา ปัจจุบันมีเพียงบางสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้นจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ทำให้สินค้ามีน้อยซึ่งคาดว่าราคาจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การเมืองในประเทศ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งล้วนแต่กระทบต่อราคาสินค้าและบริการ และค่าครองชีพของประชาชนทั้งสิ้น ดังนั้น ภายใต้ความไม่แน่นอนนี้ กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทันต่อสถานการณ์