นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)เปิดเผยว่าภาคเอกชนเร่งกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนแผนการส่งออกและเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)พิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ประกอบการSMEมากจนเกินไป
รวมถึงขอให้ภาครัฐช่วยบริการจัดการค่าไฟฟ้าอย่างเหมาะสมเพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตที่ปรับสูงขึ้นและอาจเสียเปรียบคู่ค้าคู่แข่งที่สำคัญ
ทั้งนี้สรท.คงคาดการณ์เป้าหมายการทำงานด้านการส่งออกรวมทั้งปี 2566 เติบโตระหว่าง 0-1% (ณ เดือนมิถุนายน 2566) โดยมีปัจจัยปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 66
เช่น ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล อาจส่งผลต่อแผนผลักดันการส่งออกในครึ่งปีหลัง และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อทุกภาคส่วน ภาคการเงิน การผลิต ส่งออก วัตถุดิบ และพลังงาน อัตราดอกทั่วโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
และภาระต้นทุนการกู้เงินของผู้ประกอบการ ต้นทุนการผลิตยังคงสูง อาทิ ค่าไฟฟ้า ส่งผลต่อความสามารถการแข่งขันทางด้านราคาของสินค้าไทยและปริมาณสินค้าคงคลังในประเทศคู่ค้ายังคงมีปริมาณสูง ส่งผลให้ชะลอคำสั่งซื้อออกไป ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลต่อภาคการเกษตรในประเทศ
สำหรับการส่งออกไทยเดือนเมษายนมีมูลค่า 21,723.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน(YoY)พบว่าหดตัว 7.6% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 737,788 ล้านบาท หดตัว 5.6% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนเมษายนหดตัว 6.8%)
ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า23,195ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหดตัว7.3%และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 797,373 ล้านบาท หดตัว 5.4% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนเมษายน2566 ขาดดุลเท่ากับ 1,471.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 59,584 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมส่งออก4เดือน (มกราคม – เมษายน) เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 92,003.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 5.2% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 3,110,977 ล้านบาท หดตัว 2.2% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม - เมษายน หดตัว 2.3%)
ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 96,519.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 2.2% และมีมูลค่าการนำเข้าในรูปเงินบาทเท่ากับ 3,305,763 ล้านบาท ขยายตัว 0.8% ส่งผลให้การค้าของประเทศไทยระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ขาดดุลเท่ากับ 4,516 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 194,786 ล้านบาท