"ชานม" เป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่พบในหลายวัฒนธรรม ที่มีส่วนผสมของชาและนม และจะมีความแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่สำคัญ, วิธีการเตรียม รวมถึงส่วนผสมอื่น ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า "ชานม" เป็นเครื่องดื่มที่คนทั่วโลกรักและชอบดื่มมากเพราะให้ความหวานและหนึบหนับของเม็ดไข่มุกหรือเยลลี่ที่ใส่ลงไปในชานม ทำให้ชานมครองใจผู้บริโภคทุกวัย
นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การค้าในต่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลีรายงานว่า ในปี 2565 "ตลาดชาไข่มุก"โลกมีมูลค่าการค้า 2.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 95,000 ล้านบาท
โดยตลาดชาไข่มุกอิตาลีมีมูลค่าการค้าถึง 42 ล้านยูโร (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) หรือมากกว่า 15% ของตลาดยุโรป และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยที่ 18% ต่อปี และจะมีมูลค่าถึง 98 ล้านยูโร (ประมาณ 3,600 ล้านบาท) ภายในปี 2570 ซึ่งยังมีอนาคตอีกมาก
โดยร้านชานมไข่มุกส่วนใหญ่กระจายอยู่ในเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศประมาณ 30 เมือง (มิลาน โรม โบโลญญ่า และตูริน) โดนมีการเพิ่มจำนวนเป็น 236 ร้าน ในเดือน มี.ค. 2566 อย่างไรก็ตาม ตลาดชาไข่มุกในอิตาลียังคงกระจัดกระจายอย่างมาก ยังไม่มีผู้นำที่ชัดเจนและโดดเด่น จึงยังเหลือพื้นที่อีกมากสำหรับเปิดตัวเครือข่ายใหม่และการขยายเครือข่ายที่มีอยู่
ปัจจุบันมีเพียง 3 เจ้าหลักที่มียี่ห้อติดตลาดแล้วในปัจจุบัน คือ Bobble Bobble Frankly และ Mistertea ซึ่ง 3 ยี่ห้อนี้มีส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมด 13% และธุรกิจกำลังขยายตัวในรูปแบบของมุมเล็กๆ ในซูเปอร์มาร์เก็ต ตามสถานีรถไฟ หรือสถานที่ที่มีคนเดินสัญจรมาก ซึ่งจะทำให้สินค้าขยายตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นับเป็นโอกาสที่ดีในของผู้ประกอบการไทยและร้านอาหารไทย ที่จะขยายตลาดชาไทยและวัตถุดิบสำหรับทำชาไข่มุก เนื่องจากตลาดแฟรนไชส์ของไทยที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับชาไข่มุกก็มีจำนวนมาก และนอกจากนี้ เว็บไซต์ tasteatlas ก็ยังจัดอันดับให้ชาเย็น หรือชานมเย็นของไทย (Thai Iced Tea) เป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกฮอล์ที่มีรสชาติดีที่สุดในโลกในอันดับ 7 จากทั้งหมด 100 อันดับเป็นโอกาสอันดีในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคในอิตาลีได้รู้จักชาไทยมากขึ้น และร้านอาหารไทยมีความสามารถที่จะนำเข้าชาและส่วนผสมชาไข่มุกจากไทย และสอดแทรกเป็นเมนูเครื่องดื่มที่น่าลิ้มลอง และอาจนำสมุนไพรและผลไม้มาผสมในสูตรเพื่อเสนอเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้
“ตลาดชาไข่มุกในอิตาลียังเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่เข้ามาในตลาดได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังต้องมีการพัฒนาด้านวัตถุดิบอีกมาก จึงเป็นโอกาสดีสำหรับการลงทุนทั้งในเรื่องการทำธุรกิจแบบแฟรนไชส์ (Franchise) และในการจัดหาวัตถุดิบต่างๆ ที่ยังจำกัดในวงแคบ แม้บางรายการสามารถผลิตได้แล้วในอิตาลีก็ตาม
แต่ทางด้านประสบการณ์ยังตามประเทศทางเอเชียไม่ทัน ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถร่วมลงทุนในธุรกิจเครื่องดื่มดังกล่าวกับนักธุรกิจชาวอิตาเลียน นำวัตถุดิบที่มีคุณภาพที่ไทย มีศักยภาพในการนำเสนอ เช่น ชาไทยที่มีกลิ่นหอม ชาเขียว ชามะลิ เป็นต้น หรือชากลิ่นผลไม้ใหม่ๆ เช่น มะพร้าวน้ำหอม มะม่วง ทุเรียน เสาวรส เผือก เป็นต้น รวมถึงท็อปปิ้งแปลกใหม่ๆ ที่ทางเอเชียจะมีหลากหลายกว่า และมีศักยภาพดี หากมีการนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ”