"กรุงไทย"ชี้อาหารสินค้าดาวรุ่งตลาดซาอุฯ คาดส่งออกปี73พุ่ง1.2 แสนล.

09 มิ.ย. 2566 | 02:55 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มิ.ย. 2566 | 02:55 น.

"กรุงไทย"ชี้อาหารสินค้าดาวรุ่งตลาดซาอุฯ คาดส่งออกปี73พุ่ง1.2 แสนล. รับอานิสงส์ฟื้นความสัมพันธ์และแผน Saudi Vision 2030 ขณะที่นักท่องเที่ยวซาอุฯ พุ่ง 2 แสนคน สร้างรายได้ 3.29 หมื่นล้านบาท

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS เปิดเผยว่า สินค้าไทยที่เป็นดาวรุ่ง (Rising Star) ในตลาดซาอุดิอาระเบีย ได้แก่ สินค้าในกลุ่มอาหาร เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผักและผลไม้กระป๋องและแปรรูป เครื่องดื่ม สิ่งปรุงรสอาหาร ไก่ และอาหารสัตว์เลี้ยง 

ซึ่งกลุ่มนี้มีส่วนแบ่งตลาดในซาอุฯ ไม่มากนัก จึงมีโอกาสในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดคืน อีกทั้งเป็นสินค้าที่สอดรับกับเมกะเทรนด์ด้านความมั่นคงทางอาหารของซาอุฯ สินค้าในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เหล็ก และปูนซีเมนต์ สินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง และสินค้ากลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจากการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและ Saudi Vision 2030 จะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นถึง 57,018 ล้านบาท คิดเป็น 0.21% ของจีดีพี โดยมูลค่าการส่งออกของไทยไปยังซาอุดิอาระเบียในปี 2573 มีโอกาสสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า จากปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

และคาดว่านักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียจะมีโอกาสแตะ 2 แสนคนในอีก 7 ปีข้างหน้า สร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวไทยราว 32,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าจากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยังจะช่วยหนุนการเติบโตของจีดีพีตามศักยภาพในระยะยาวอีกด้วย

สำหรับปัจจัยบวกจากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตและแรงหนุนจากนโยบาย Saudi Vision 2030 จะสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการ 3 ด้านหลัก ได้แก่ 

  • โอกาสทางการค้า โดยการส่งออกไปซาอุดิอาระเบียเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังฟื้นความสัมพันธ์ และมีโอกาสเติบโตมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีศักยภาพสูง 
  • โอกาสของธุรกิจภาคบริการ ประเมินว่าธุรกิจท่องเที่ยว Healthcare และอสังหาริมทรัพย์ จะได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการเติบโตของลูกค้าชาวซาอุฯ ซึ่งมีจุดเด่นในด้านการจับจ่ายใช้สอยสูงและมีระยะเวลาพำนักในไทยยาวกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น 
  • โอกาสการลงทุน คาดการณ์ว่าจากแผนการส่งเสริมการลงทุนของทางการและภาคเอกชน จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากซาอุฯ ได้ประมาณ 3–6 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทย ยังมีโอกาสไปลงทุนในซาอุฯ จากอานิสงส์นโยบายเปิดรับนักลงทุนต่างชาติภายใต้ Saudi Vision 2030 โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายคือ อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ อาหารแปรรูป ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขัน

นายฉมาดนัย มากนวล ผู้อำนวยการฝ่าย Business Risk and Macro Research ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า สัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย เป็นปัจจัยเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทั้งสองประเทศ โดยการส่งออกสินค้าของไทยไปซาอุดิอาระเบียและจำนวนนักท่องเที่ยวจากซาอุดิอาระเบีย กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังฟื้นความสัมพันธ์ ขณะที่ภาครัฐและภาคเอกชนได้กระชับความร่วมมือทางธุรกิจ หนุนเศรษฐกิจไทยให้มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากแผนปฏิรูปประเทศของซาอุดิอาระเบีย หรือ Saudi Vision 2030 ที่มีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าจีดีพีเป็น 2 เท่า ภายในปี 2573 (เทียบจากปี 2559) ปัจจัยหลักมาจากการลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Non-oil economy) มูลค่ากว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยสร้างงานใหม่ถึง 6 ล้านตำแหน่ง ถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เป็นโอกาสสำหรับการส่งออกสินค้า และการดึงดูดนักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียมาไทย