นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้จัดประชุมคณะกรรมการบริหารสัญจรพื้นที่ภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย. ณ โรงแรมบูลแรบบิต จ.จันทบุรี โดยประเด็นสำคัญที่หอการค้าฯ ส่วนกลาง และภาคตะวันออกนัดหารือกันเป็นเรื่องสถานการณ์ผลไม้ภาคตะวันออกที่ปีนี้ราคาผลผลิตค่อนข้างดี
โดยจากรายงานของกระทรวงเกษตรฯ พบว่าเพียง 120 วัน แรกของปี (ก.พ.-พ.ค.) สามารถส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนกว่า 4.5 แสนตัน สร้างรายได้กว่าแสนล้านบาทซึ่งเกือบเท่ากับมูลค่าการส่งออกของปีที่แล้ว ปีนี้ได้รับฟังเสียงข้อมูลจากกลุ่มผู้ประกอบการและภาคเกษตรในพื้นที่ภาคตะวันออกนั้น
ราคาผลไม้โดยเฉพาะความต้องการทุเรียนยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้หอการค้าฯ ภาคตะวันออกประเมินว่ามูลค่าการส่งออกผลไม้ทุกชนิดของประเทศไทยในปีนี้อาจเติบโตถึง 2-3 แสนล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีมูลค่าถึง 1.72 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกษตรกรและผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนในพื้นที่มีความกังวลถึงความเสี่ยงของตลาดที่ปัจจุบันยังพึ่งพารายได้จากการส่งออกโดยเฉพาะจีนที่สูงถึง 96% ของการส่งออกทุเรียนทั้งหมด ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่เกิดวิกฤตโควิด 19 เห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องหาตลาดใหม่ๆ เข้ามารองรับและกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดจีนส่วนใหญ่อย่างเดียว ซึ่งตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและหอการค้าตั้งเป้าขยายการส่งออกผลไม้ไทยคือตะวันออกกลางโดยเฉพาะซาอุดิอาระเบียที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักผลไม้และทุเรียนไทยเนื่องจากปิความสัมพันธ์กันไปกว่า 32 ปี
ทั้งนี้ หอการค้าฯ มีแผนที่จะประสานงานกับสถานทูตไทยในซาอุดิอาระเบียจัดกิจกรรม Durian Party เพื่อประชาสัมพันธ์และเปิดประสบการณ์ใหม่กับผลไม้ไทยที่ขึ้นชื่อว่ามีรสชาติดี พร้อมทั้งการนำเอาสินค้าจิวเวลรี่และพลอยของภาคตะวันออกไปจัดแสดงให้กับผู้บริหารและแขกคนสำคัญของซาอุฯ เพื่อขยายตลาดอัญมณีไปยังกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงด้วย
อีกประเด็นที่สำคัญ ยังได้มีการพูดคุยถึงประเด็นหนี้ครัวเรือนที่สะท้อนจากข้อมูลที่ได้รับทราบจากสถาบันทางการเงินว่ามียอดรถที่ถูกยืดคืน 90,000 คัน ในช่วง 5 เดือนแรก เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ตั้งแต่ต้นปีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่มากนัก ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียและวินัยทางการเงิน ทำให้สินเชื่อรถยนต์ในกลุ่ม GEN X และ GEN Y มีปัญหาซึ่งต้องมีการวางแผนจัดการให้ทั่วถึงไม่เช่นนั้นอาจจะมีการลามไปยังสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาหนี้ครัวเรือนในปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อดูข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจเทียบเคียงกันกับปัจจัยอื่น ๆ ก็ยังพบว่าปัจจุบันพืชผลทางการเกษตรมีราคาที่ดี ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจในประเทศเริ่มมี สัญญาณฟื้นตัวที่ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 28 – 30 ล้านคน หอการค้าฯ จึงเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะผ่อนคลายลง เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมกำลังฟื้นตัวอยู่ในระดับดี อุตสาหกรรมอื่น ๆ ยังคงมีความเข้มแข็งและปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้
ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังมีความท้าทายอีกหลายอย่างที่จะต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะข้อกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งหวังว่ากระบวนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะสำเร็จราบรื่นและรวดเร็ว เพื่อให้การจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณมีความต่อเนื่อง และสามารถวางนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและหนี้ครัวเรือนของประชาชนได้ทันท่วงที เพื่อลดความกังวลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ รวมถึงช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอีสามารถฟื้นตัวและดำเนินธุรกิจต่อไปได้