“โหวตนายก”หวั่นชุมนุมกระทบท่องเที่ยว ฉุด GDPลง1%

13 ก.ค. 2566 | 07:20 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ค. 2566 | 07:26 น.

หอการค้าไทย ชี้ ผลการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและชุมนุม ชี้วัดการเติบโตของเศรษฐกิจไทย​ หวั่นชุมนุมเกิดความรุนแรงจนสร้างความเสียหายภาคท่องเที่ยว​จะทำรายได้หายไป 5 แสนล้านบาทฉุด GDP ปีนี้ ​1%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย​ ระบุว่า​ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันนี้(​ 13​ ก.ค.​66)จะเป็นตัวชี้วัดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย​จากแรงกดดันทางการเมือง​ ซึ่งภาคธุรกิจและผู้บริโภคต่างจับตาการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่าจะไปในทิศทางใด​ เพราะหากไม่มีรัฐบาล​หรือจัดตั้งรัฐบาลได้ล่าช้า​การใช้งบประมาณของภาครัฐจะถูกเลื่อนออกไป​ ทำให้ภาคธุรกิจวางแผนลงทุนไม่ได้​

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย​

โดยประเมินว่า​หากการจัดตั้งรัฐบาล​ล่าช้าออกไป​ แต่ยังอยู่ในเดือน ส.ค. - ก.ย.​ ​ผลกระทบต่อเศรษฐกิจคงจะไม่รุนแรง​ เพราะถือว่ายังอยู่ในกรอบ​ สามารถเดินหน้างบลงทุน​ต่าง ๆ​ จะทำให้เอกชน​วางแผนลงทุนได้ต่อ แต่หากจัดตั้งรัฐบาลเลยออกไปเดือน ต.ค.​ การใช้งบประมาณจะถูกเลื่อนออกไปช่วงไตรมาส​ 2 ปี​ 2567 จะกระทบการขยายตัวเศรษฐกิจ​เพิ่มขึ้น​

“โหวตนายก”หวั่นชุมนุมกระทบท่องเที่ยว ฉุด GDPลง1%

ดังนั้น​ประเมินว่า​ หากสถานการณ์การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีราบรื่น​ แม้จะมีการชุมนุมประท้วงแต่ไม่มีความรุนแรง เศรษฐกิจก็จะสามารถเติบโตได้ 3.5% แต่หากได้นายกรัฐมนตรีและเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ตามกรอบระยะเวลาและผลักดันการใช้งบประมาณ เร่งเดินหน้าลงทุน​ เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้ 4%

“โหวตนายก”หวั่นชุมนุมกระทบท่องเที่ยว ฉุด GDPลง1%

แต่กรณีหากไม่มีการโหวต​เลือกนายกรัฐมนตรี​ขึ้นอยู่กับเหตุผล​ของรัฐสภาว่าจะเป็นเหตุผลใด​ เช่น​ จำเป็นต้องรอศาลรัฐธรรมนูญ​วินิจฉัยการถือหุ้นสื่อ​ของนายพิธา​หรือไม่ หรือหากกรณีเลวร้ายนำไปสู่การยุบพรรค​ก้าวไกล​ ทั้งหมดจะนำไปสู่ก็ความรุนแรงการเกิดชุมนุมประท้วงว่าจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่​ หากไม่มีภาพความรุนแรง​ หรือ มีการชุมนุมในกรอบสันติวิธี​ก็จะไม่มีผลต่อการท่องเที่ยวจนกระเทือนมาถึงระบบเศรษฐกิจ

“โหวตนายก”หวั่นชุมนุมกระทบท่องเที่ยว ฉุด GDPลง1%

แต่การชุมนุมประท้วงมีความรุนแรง​จนเกิดความเสียหายต่อภาคการท่องเที่ยว​ มีโอกาสจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวหายไปเดือนละ​ 1 ล้านช่วงที่เหลือของปีนี้​ ทำรายได้ท่องเที่ยวหายไปราว 500,000 ล้านบาทซึ่งจะฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจลดลง 1%