นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับตู้สินค้าคอนเทนเนอร์คงค้างภายในเขตท่าเรือแหลมฉบังจำนวนกว่าพันตู้ รวมทั้งตู้สินค้าที่บรรจุของตกค้างประเภทสุกรแช่แข็งที่ตกเป็นของแผ่นดิน ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้า ค่าเสียโอกาสจากการใช้พื้นที่จัดเก็บตู้สินค้า ก่อให้เกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบกับหลายหน่วยงานที่ใช้ท่าเรือแหลมนั้น
ศุลกากร ชี้แจงว่า ปัจจุบันตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ที่คงค้างในท่าเรือแหลมฉบัง สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท รวมทั้งสิ้น 937 ตู้ (ได้แก่ ตู้สินค้าทั่วไป 679 ตู้ และตู้สินค้าเก็บความเย็น 258 ตู้) ดังนี้
ทั้งนี้ กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินการเกี่ยวกับของกลางและของตกค้าง และของผ่านแดนที่ตกเป็นของแผ่นดินในปีงบประมาณ 2564 และ 2565 มีการดำเนินการขายทอดตลาด/ส่งมอบ/ทำลาย รวมทั้งสิ้น 342 ตู้
โดยในปีงบประมาณ 2566 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังได้ดำเนินการเกี่ยวกับตู้สินค้าของกลางของตกค้าง และของผ่านแดนที่ตกเป็นของแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว จำนวน 54 ตู้ โดยมีวิธีการดำเนินการ เช่น
• วันที่ 11 มกราคม 2566 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังส่งมอบตู้สินค้าตกค้างประเภทเนื้อหมูสามชั้นที่เป็นสินค้าต้องกำกัด น้ำหนัก 28,594 กิโลกรัม ให้แก่ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี โดยได้มีการนำไปทำลาย ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เพชรบุรี
• วันที่ 17 มกราคม 2566 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังได้ส่งมอบตู้ขาไก่แช่แข็งที่เป็นของตกค้างและเป็นของต้องกำกัด จำนวน 1,800 กล่อง น้ำหนักรวม 21,600 กิโลกรัม ให้แก่ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี โดยได้มีการนำไปทำลาย ณ ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ปราจีนบุรี
• วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังส่งมอบตู้ขาไก่แช่แข็งที่เป็นของตกค้างและเป็นของต้องกำกัดจำนวน 6 ตู้ ให้แก่ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี โดยจะนำไปทำลาย ณ ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ปราจีนบุรี
• วันที่ 9 มีนาคม และ 11 พฤษภาคม 2566 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังได้ทำการขายทอดตลาดของกลาง ของตกค้าง และของผ่านแดนที่ตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 11 ตู้
"เนื้อสุกรแช่แข็ง จำนวน 159 ตู้ กรมศุลกากรได้ดำเนินการจัดทำหนังสือส่งมอบสินค้าให้ด่านกักกันสัตว์ชลบุรีเพื่อนำไปทำลาย โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งกรมศุลกากรมีหนังสือถึงพนักงานสอบสวนแล้ว เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566"
ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้กำชับให้ทุกส่วนงานเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงการบูรณาการร่วมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานอื่น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลพร้อม
รวมทั้งได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อหารือแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รับฟังปัญหาและอุปสรรคเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของกรมต่อไป