แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมแนวทางลดรายจ่ายเพื่อดูแลฐานะการคลังให้มีความยั่งยืนเสนอต่อรัฐบาลใหม่ โดยหนึ่งในแนวทาง คือ ปรับลดรายจ่ายสวัสดิการ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความซ้ำซ้อน หรือ ลดกลุ่มเป้าหมายลง เช่น การจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ และการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
สำหรับการดำเนินตามแนวทางดังกล่าว ถือเป็นการใช้นโยบายการคลังที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อลดภาระทางการคลัง ซึ่งเป็นแนวทางที่ในหลายประเทศทั่วโลกหันมาใช้หลังรัฐบาลได้ใช้จ่ายเงินเพื่อดูแลเศรษฐกิจและสังคมจำนวนมากในช่วงโควิดที่ผ่านมา
“จากการประเมินภาวะเศรษฐกิจในช่วงนับจากนี้ไป เศรษฐกิจจะสามารถขยายตัวได้ดี ประกอบกับ การแพร่ระบาดของโควิดได้คลี่คลายลง ดังนั้น ทิศทางนโยบายการคลังระยะนับจากนี้ไปจะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยต้องหันมาให้ความสำคัญกับความเข้มแข็งทางการคลังทั้งในส่วนของการเพิ่มการจัดเก็บรายได้ และ การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น รวมถึงการลดรายจ่ายที่มีความซ้ำซ้อน”
ทั้งนี้ สำหรับสวัสดิการที่รัฐบาลเข้าไปดูแลกลุ่มเป้าหมายที่มองว่ามีความซ้ำซ้อน อาทิ สวัสดิการดูแลผู้มีรายได้น้อยซึ่งมีอยู่หลายโครงการ เช่น
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจความถูกต้องความซ้ำซ้อนของสวัสดิการและจำกัดวงเงินการช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณไปได้มาก
นอกจากนี้ ยังมีสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุที่มีความซ้ำซ้อน ซึ่งแนวทางการดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบันนั้น มีอยู่หลายโครงการ อาทิ
ในส่วนที่จะสามารถลดความซ้ำซ้อนการใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการผู้สูงอายุนั้น คือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได โดยในปี 2566 คาดว่า จะมีผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันไดจำนวนประมาณ 11 ล้านคน แบ่งเป็น
หากจำกัดวงเงินการช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้มาก
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังได้วางแนวทางเลือกจัดสรรเบี้ยผู้สูงอายุเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไว้หลายแนวทาง ยกตัวอย่าง การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุถ้วนหน้ารายละ 3,000 บาท (ตามนโยบายพรรคการเมืองที่หาเสียงในปัจจุบัน) กรณีนี้ รัฐจะมีภาระรายจ่ายต่อปีเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว หรืออยู่ที่เกือบ 2 แสนล้านบาท แต่หากใช้แนวทางการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุอัตราเดิมแบบขั้นบันไดที่ 600,700,800,1,000 บาท รัฐจะมีภาระรายจ่ายต่อปีที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท หรือ ลดลงราว 50% จากรายจ่ายดังกล่าวในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบันมีอยู่จำนวนประมาณ 5 ล้านคน ใช้แนวทางจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุถ้วนหน้าแบบขั้นบันได รัฐมีภาระรายจ่ายอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาทต่อปี ในปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลตั้งวงเงินงบประมาณสำหรับจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ก่อนหน้านี้ วงเงินรายจ่ายดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อปีเท่านั้น