“ประยุทธ์” เคาะงบไปพลางก่อน 8 เดือน รัฐบาลใหม่ใช้ได้ 1.8 ล้านล้าน

นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้อนุมัติหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน เป็นเวลา 8 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยกำหนดวงเงินที่ส่วนราชการต่าง ๆ จะสามารถใช้จ่ายได้วงเงินไม่เกิน 1.8 ล้านล้านบาท 

สำหรับวงเงินภายใต้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน กำหนดกรอบวงเงินไม่เกิน 1.8 ล้านล้านบาทนั้น จะสามารถใช้ได้เฉพาะงบรายจ่ายประจำ และงบรายจ่ายลงทุนที่มีรายการผูกพันวงเงินไว้แล้ว โดยภายในสัปดาห์นี้ หรือ ต้นสัปดาห์หน้า สำนักงบประมาณ จะทำหนังสือเวียนไปถึงทุกส่วนราชการ ทำแผนการใช้งบประมาณส่งมาที่สำนักงบประมาณเพื่อพิจารณา ภายในวันที่ 15 กันยายน 2566 

โดยที่ผ่านมา สำนักงบประมาณ ได้ประสานไปยังส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณเป็นงวด ๆ มาเสนอว่า มีโครงการหรือแผนงานใดบ้างที่ต้องใช้งบประมาณไปพลางก่อนแล้ว จากนั้นจึงพิจารณาอนุมัติวงเงินให้ตามความจำเป็น โดยจะจัดสรรเงินประจำงวดให้ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2566 แต่หากโครงการใดต้องทำทั้งสัญญา หรือใช้วงเงินเป็นก้อนก็ต้องพิจารณาวงเงินให้เป็นรายโครงการต่อไป 

“ส่วนใหญ่งบลงทุนรายการใหม่ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นปีงบประมาณปกติตามกระบวนการ จะต้องมาเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาก่อน จากนั้นจึงเริ่มขึ้นตอนกระบวนราคา ซึ่งส่วนมากจะลงนามในสัญญาช่วงไตรมาส 3 อยู่แล้ว ซึ่งในระหว่างนี้ก็เริ่มต้นกระบวนการนี้ไปก่อนได้ พองบประมาณรายจ่าย ปี 2567 มีผลบังคับใช้ก็สามารถลงนามในสัญญาได้เลย โดยไม่ต้องรอกระบวนการตั้งแต่แรก” นายเฉลิมพล

นายเฉลิมพล กล่าวว่า เหตุผลของการจัดทำงบประมาณไปพลางก่อนครั้งนี้นั้น เดิมสำนักงบประมาณ ประเมินการจัดทำเอาไว้ 6 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ภายใต้สมมติฐานการได้รัฐบาลใหม่ในเดือนสิงหาคม 2566 แต่ ณ ขณะนี้เพิ่งได้นายกรัฐมนตรี ทำให้ต้องเผื่อเวลาเอาไว้อีก 2 เดือน เพื่อเริ่มต้นการจัดทำงบประมาณ ปี 2567 แต่เบื้องต้นมองว่า รัฐบาลใหม่คงใช้เวลาไม่มากในการจัดทำงบประมาณ

ส่วนการจัดทำปฏิทินงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ล่าสุดสำนักงบประมาณ ได้ปรับปรุงปฏิทินงบประมาณไว้แล้ว โดยเตรียมเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาได้ทันที ในการประชุมครม. ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในการประชุมครั้งแรก ๆ พร้อมทั้งการหารือร่วมกับ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ คือ สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และ กระทรวงการคลัง ด้วย

ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า ในช่วงที่งบประมาณปี 2567 ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้ สำนักงบประมาณ ประเมินว่า อย่างน้อยในช่วง 2 ไตรมาสของปีงบประมาณ 2567 คือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 31 มีนาคม 2567 จะมีเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท แยกเป็นวงเงิน ดังนี้

• เงินจากงบประมาณไปพลางก่อน ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
• เงินจากงบลงทุนที่ผูกพันวงเงินแล้ว 1 แสนล้านบาท
• เงินจากงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 2 แสนล้านบาท