สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ส่งผลกระทบอย่างแน่นอนกับการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และทำให้เกิดความกังวลกับการใช้จ่ายงบประมาณที่เป็น เงินเดือนข้าราชการ และ เงินเดือนลูกจ้าง ว่าจะเกิดการสะดุดหรือไม่
ล่าสุดฐานเศรษฐกิจได้สอบถามข้อกังวลดังกล่าวกับ นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้คำตอบว่า เงินเดือนข้าราชการ และ เงินเดือนลูกจ้าง ของทุกหน่วยงานราชการ จะไม่เกิดการปัญหาสะดุดแน่นอน โดยจะจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินเดือนตามปกติ
“สำนักงบประมาณ ยืนยันว่าการจ่ายเงินเดือนให้กับ ข้าราชการ และ ลูกจ้าง ของทุกส่วนราชการ จะได้รับเหมือนเดิม ไม่มีปัญหา แม้ว่างบประมาณปี 2567 จะใช้ไม่ทันในเดือนตุลาคม 2566 หลังจากสำนักงบประมาณได้จัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ไปพลางก่อน ไว้รองรับการใช้จ่ายส่วนนี้แล้ว”
นายเฉลิมพล กล่าวว่า เงินเดือนข้าราชการ และ เงินเดือนลูกจ้างแล้ว งบประมาณที่เป็นงบผูกพัน เช่น สิ่งก่อสร้าง และค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสาร ก็ยังจัดสรรงบประมาณฯ ไปพลางก่อนให้ตามปกติ ยกเว้นเพียงงบผูกพันสิ่งก่อสร้างรายการใหม่ ยังใช้งบไม่ได้
ทั้งนี้ในเบื้องต้น สำนักงบประมาณ ได้เตรียมความพร้อมเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณฯ ไปพลางก่อน ล่วงหน้า โดยจะเตรียมความพร้อมการใช้งบประมาณเอาไว้รองรับได้ช่วงแรก 3-6 เดือน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเพียงพอก่อนที่รัฐบาลใหม่จะมาดูเร่องการจัดทำงบประมาณ ปี 2567 ต่อไป
จำนวนข้าราชการไทย ล่าสุด 2566
จากการตรวจสอบข้อมูล จำนวนข้าราชการไทย ล่าสุด หลังจากคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ได้เสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณา เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ ปี 2566 – 2570 พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการจ้างงานในส่วนของกำลังคนภาครัฐ รวมกว่า 3 ล้านคน แบ่งเป็น
ข้าราชการ จำนวน 1.75 ล้านคน
ประเภทอื่นที่ไม่ใช่ข้าราชการ (พนักงานจ้าง พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานกระทรวงสาธารณสุข พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานองค์การมหาชน) จำนวน 1.24 ล้านคน
งบประมาณรายจ่ายประจำ 2567
สำหรับโครงสร้างวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2567 กำหนดกรอบวงเงินเอาไว้รวม 3.35 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายจ่ายประจำ ซึ่งรวมถึงเงินเดือนข้าราชการ และเงินเดือนลูกจ้าง เอาไว้ ภายใต้กรอบวงเงินรวม 2.49 ล้านล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 74% ของวงเงินงบประมาณ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 8.8 หมื่นล้านบาท