นางชณันภัสร์ พิศาลอภิพงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง เปิดเผยว่า เป้าหมายการส่งออกไทยไปในตลาดฮ่องกงปี 2566 อยู่ที่ 1-2% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 350,000 ล้านบาท โดยจะเร่งกิจกรรมส่งออกให้การส่งออกโตได้ตามเป้าหมาย
โดยปัจจัยบวกของการส่งออกมาจากเศรษฐกิจฮ่องกงเริ่มเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นตั้งแต่ที่ฮ่องกงเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการจากโควิด
และเปิดประเทศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ส่งผลให้ 7 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวเดินทางมา.16 ล้านคนนักท่องเที่ยวทั้งปีที่ 26 ล้านคน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงในปี 2566 จะ ขยายตัวอยู่ที่กรอบ 4-5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 3.5-5.5%
ขณะเดียวกันรัฐบาลฮ่องกงมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลากหลาย อาทิ Consumption Voucher จำนวน 5,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ ประมาณคนละ 22,500 บาท เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายภายในฮ่องกง โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถกระตุ้น GDP ได้ 0.6% รวมทั้งมาตรการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก - กลาง ผ่านสินเชื่อ และมาตรการสนับสนุนการซื้อบ้านให้แก่ชาวฮ่องกงเพื่อกระตุ้นภาอสังหาริมทรัพย์
อีกทั้งรัฐบาลฮ่องกง ยังดำเนินอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ GBA (Greater Bay Area) โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางด้านการเงิน (Financial Center) ด้วย
ทั้งนี้ เทรนด์ของสินค้าและพฤติกรรมการผู้บริโภคของคนในฮ่องกงมีการเปลี่ยนไป เริ่มให้ความสำคัญด้านสุขภาพมากขึ้นหลังโควิด ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยในตลาดฮ่องกงในปี 2566 นี้ โดยเฉพาะในกลุ่มโปรตีนจากพืช อาหารเพื่ออนาคต (ฟิวเจอร์ฟู้ด) สินค้าออแกนิสก์ จะเป็นโอกาสของการส่งออกสินค้าไทยไปฮ่องกง
"ตลาดฮ่องกงยังเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ซึ่งตลาดข้าวไทยในฮ่องกง แนวโน้มการส่งออกค่อยๆดีขึ้น โดยข้าวหอมมะลิไทยยังเป็นสินค้า อันดับ 1 ในตลาดฮ่องกง แต่ก็ยอมรับว่าพฤติกรรมการบริโภคข้าวมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ความต้องการบริโภคข้าวลดลง คนฮ่องกงหันไปรับประมานธัญพืชอื่น เพราะกีงวลเรื่องของสุขภาพ ดังนั้น มองว่า การทำตลาดข้าวอาจจะผลักดันตลาดข้าวเพื่อสุขภาพมากขึ้น เช่น ข้าวสี ข้าวออแกนิกส์ ข้าว กข43 ข้าวไร้ซ์เบอรี่ ที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อเข้ามาทดแทน ส่วนผลกระทบจากการปรับราคาข้าวของไทย ไม่ได้กระทบมากนัก และผู้ ค้ามีการเจรจาสั่งออร์เดอร์ ไว้บ่วงหน้ากันไปแล้ว"
นอกจากนี้ ทางสำนักงานฯ ก็พร้อมที่ผลักดันและส่งเสริมกิจกรรมตลาดข้าวให้มากขึ้น โดยจะร่วมกับร้าน Thai SELECT พร้อมประชาสัมพันธ์ เครื่องหมายรับรองข้าว ว่าสินค้านี้มาจากประเทศไทย หรือ ตราสัญลักษณ์ ข้าว “ตราเขียว” ของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันผู้นำเข้า ผู้บริโภคในฮ่องกงก็ยอมรับในเครื่องหมายนี้ และเชื่อมั่นว่าสินค้าข้าวมาจากประเทศไทยและมีคุณภาพ
สำหรับสินค้าที่ไทยส่งออกไปตลาดฮ่องกง ในเดือนมกราคม – มิถุนายน 2566 สินค้าที่ขยายตัว อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ 1,364.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 67.45% ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์17.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 47.72% นมและผลิตภัณฑ์นม 15.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 21.13% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 14.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 589.38%
สำหรับธุรกิจที่มีโอกาสในดึงดูดกลุ่มสูงอายุซึ่งมีจำนวนมากขึ้นแบะมีความต้องการหาที่อยู่อาศัย เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงมีราคาสูงค่าครองชีพก็แพงเป็นอันดับต้นๆของโลก ทำให้ไทยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนฮ่องกงสนใจที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ อีกทั้ง ในเรื่องของการดูแลสุขภาพ ตรวจร่างกาย ของกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มทำงาน ก็ยอมรับการให้บริการของไทยในเรื่องนี้ด้วย ดังนั้น จึงเป็นช่องทางและโอกาสที่ประเทศไทยจะดึงลูกค้ากลุ่มนี้ และหากทำได้ ประเทศไทยจะมีเม็ดเงินสะพัดเข้าประเทศจำนวนมาก และกลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้ที่มีกำลังซื้อสูง