แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า วันนี้ (29 สิงหาคม 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เตรียมหารือร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงการคลัง เพื่อเข้ามารายงานสถานการณ์ด้านการเงินการคลังของประเทศ และเตรียมความพร้อมผลักดันนโยบายที่รัฐบาลจะขับเคลื่อน โดยเฉพาะนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท
ทั้งนี้ในการเข้ามารายงานข้อมูลในครั้งนี้ ที่ประชุมจะโฟกัสถึงเรื่องการขับเคลื่อนนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท ด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลใหม่เตรียมผลักดันออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประเทศเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลัง ยังเตรียมรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในปี 2566 เหลือขยายตัวอยู่ที่ 3.5% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 3.6%
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มีการหารือถึงแนวทางการทำงานของกระทรวงการคลัง และเรื่องการเตรียมความพร้อมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังเผยแพร่รายละเอียดไม่ได้
อย่างไรก็ตาม การหารือดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ต้องมีการหารือในบางรายละเอียดอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดวันนัดประชุมครั้งต่อไป
"เราได้คุยกันเกี่ยวกับแนวทางโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งมีความชัดเจนแล้ว แต่ยังมีรายละเอียดที่ต้องคุยกันอีก ตอนนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดวันประชุมกัน"
สำหรับ นโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น ในหลักการพรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันคนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้ กระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะมีอายุการใช้งาน 6 เดือนสำหรับจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขโดยเฉพาะ ยาเสพติดและการพนัน และไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
โดยเงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชนและบริการที่อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน ส่วนในพื้นที่ห่างไกลจะมีการพิจารณาเป็นกรณีด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ขณะที่ร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารในโครงการในภายหลัง
อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ยังได้หารือร่วมกับ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งเข้ามารายงานสถานะประเทศไทยในปัจจุบันให้กับนายกรัฐมนตรี รับทราบ
โดยนายกฯ ได้ขอให้ สศช. เตรียมความพร้อมในการเดินหน้านโยบายที่รัฐบาลจะขับเคลื่อน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
ขณะเดียวกัน สศช. ยังได้รายงานถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ทั้งปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 1.8% ชะลอลงจาก 2.6% ในไตรมาสแรก ปี 2566 ทำให้ช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.2%
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ในปี 2566 สศช. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5-3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวยังบอกกับฐานเศรษฐกิจว่า นอกจากสองหน่วยงานรัฐแล้วยังมีหน่วยงานอื่น ๆ เตรียมตัวเดินทางเข้ามารายงานสถานการณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานตัวเองให้กับนายกฯ รับทราบด้วย