“เศรษฐา” ถกคลัง วันนี้ หางบอัดฉีด เงินดิจิทัล 10,000 บาท

28 ส.ค. 2566 | 22:33 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ส.ค. 2566 | 09:15 น.

“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี นัดถกกระทรวงการคลัง วันนี้ หาช่องทางอัดฉีดงบประมาณ นโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) พร้อมรับทราบสถานะการเงินการคลังประเทศ

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า วันนี้ (29 สิงหาคม 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เตรียมหารือร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงการคลัง เพื่อเข้ามารายงานสถานการณ์ด้านการเงินการคลังของประเทศ และเตรียมความพร้อมผลักดันนโยบายที่รัฐบาลจะขับเคลื่อน โดยเฉพาะนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท

ทั้งนี้ในการเข้ามารายงานข้อมูลในครั้งนี้ ที่ประชุมจะโฟกัสถึงเรื่องการขับเคลื่อนนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท ด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลใหม่เตรียมผลักดันออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประเทศเพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลัง ยังเตรียมรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในปี 2566 เหลือขยายตัวอยู่ที่ 3.5% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 3.6%

 

“เศรษฐา” สั่งการบ้าน สภาพัฒน์ ดันนโยบายเงินดิจิทัล กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มีการหารือถึงแนวทางการทำงานของกระทรวงการคลัง และเรื่องการเตรียมความพร้อมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังเผยแพร่รายละเอียดไม่ได้ 

อย่างไรก็ตาม การหารือดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ต้องมีการหารือในบางรายละเอียดอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดวันนัดประชุมครั้งต่อไป

"เราได้คุยกันเกี่ยวกับแนวทางโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งมีความชัดเจนแล้ว แต่ยังมีรายละเอียดที่ต้องคุยกันอีก ตอนนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดวันประชุมกัน"

สำหรับ นโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น ในหลักการพรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันคนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้ กระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะมีอายุการใช้งาน 6 เดือนสำหรับจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขโดยเฉพาะ ยาเสพติดและการพนัน และไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้

โดยเงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชนและบริการที่อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน ส่วนในพื้นที่ห่างไกลจะมีการพิจารณาเป็นกรณีด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ขณะที่ร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารในโครงการในภายหลัง

อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ยังได้หารือร่วมกับ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งเข้ามารายงานสถานะประเทศไทยในปัจจุบันให้กับนายกรัฐมนตรี รับทราบ

โดยนายกฯ ได้ขอให้ สศช. เตรียมความพร้อมในการเดินหน้านโยบายที่รัฐบาลจะขับเคลื่อน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย 

 

ภาพประกอบข่าว การผลักดันนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่

ขณะเดียวกัน สศช. ยังได้รายงานถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ทั้งปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 1.8% ชะลอลงจาก 2.6% ในไตรมาสแรก ปี 2566 ทำให้ช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.2%

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ในปี 2566 สศช. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5-3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวยังบอกกับฐานเศรษฐกิจว่า นอกจากสองหน่วยงานรัฐแล้วยังมีหน่วยงานอื่น ๆ เตรียมตัวเดินทางเข้ามารายงานสถานการณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานตัวเองให้กับนายกฯ รับทราบด้วย